สูตรผิวสวยด้วยข้าวโพด
ข้าวโพด นิยมนำมาเป็นส่วนผสมของเครื่องสำอางค์และครีมบำรุงผิวที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว และช่วยชะลอวัย เนื่องจากมีวิตามินซี บี1 และสารต้านอนุมูลอิสระแซนโทฟิลล์ (Xanthophyll)
สูตร 1โลชั่นลดจุดด่างดำ
ปั่นเมล็ดข้าวโพด 1 ถ้วยกับน้ำต้ม 1/3 ถ้วยจนละเอียด กรองเอาแต่น้ำ ผสมน้ำมะนาว 2 ช้อนชาและน้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ คนให้เข้ากัน ทาให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ 20 นาที ทาทับอีกครั้งแล้วทิ้งไว้อีก 15 นาที ล้างออกด้วยน้ำเย็น
สูตร 2 สูตรครีมหน้าขาว-กระชับรูขุมขน
ปั่นเมล็ดข้าวโพด 1 ถ้วยกับน้ำต้มสุก 3 ช้อนโต๊ะจนเป็นครีม เติมน้ำมะนาว 3 ช้อนชาและไข่ขาว 1 ฟองปั่นต่อจนเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วนำมาทาทั่วใบหน้า ใช้ปลายนิ้วคลึงเบาๆ เน้นบริเวณหน้าผาก จมูก คาง ประมาณ 10 นาที พอกทิ้งไว้ 15 นาที ล้างออกด้วยน้ำอุ่น ตามด้วยน้ำเย็น
ขอบคุณเนื้อหาจาก healthandcuisine.com
link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี , เทคนิคการบริหาร เพื่อเรียวขาที่สวยงาม , pupylovekoreashop
เครดิต siegsa
ข้าวโพด นิยมนำมาเป็นส่วนผสมของเครื่องสำอางค์และครีมบำรุงผิวที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว และช่วยชะลอวัย เนื่องจากมีวิตามินซี บี1 และสารต้านอนุมูลอิสระแซนโทฟิลล์ (Xanthophyll)
สูตร 1โลชั่นลดจุดด่างดำ
ปั่นเมล็ดข้าวโพด 1 ถ้วยกับน้ำต้ม 1/3 ถ้วยจนละเอียด กรองเอาแต่น้ำ ผสมน้ำมะนาว 2 ช้อนชาและน้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ คนให้เข้ากัน ทาให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ 20 นาที ทาทับอีกครั้งแล้วทิ้งไว้อีก 15 นาที ล้างออกด้วยน้ำเย็น
สูตร 2 สูตรครีมหน้าขาว-กระชับรูขุมขน
ปั่นเมล็ดข้าวโพด 1 ถ้วยกับน้ำต้มสุก 3 ช้อนโต๊ะจนเป็นครีม เติมน้ำมะนาว 3 ช้อนชาและไข่ขาว 1 ฟองปั่นต่อจนเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วนำมาทาทั่วใบหน้า ใช้ปลายนิ้วคลึงเบาๆ เน้นบริเวณหน้าผาก จมูก คาง ประมาณ 10 นาที พอกทิ้งไว้ 15 นาที ล้างออกด้วยน้ำอุ่น ตามด้วยน้ำเย็น
ขอบคุณเนื้อหาจาก healthandcuisine.com
link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี , เทคนิคการบริหาร เพื่อเรียวขาที่สวยงาม , pupylovekoreashop
เครดิต siegsa
ทริคส์ง่ายๆ เพื่อตาใสปิ๊งเป็นประกาย
วันๆ เราใช้ดวงตาทำงานตั้งแต่ตื่นจนถึงค่ำทุกวัน บางคนทำโอทีต่อตามผับจนเกือบสว่างก็ยังมี รีบมาเอาใจดวงตาด้วยการบำรุงรักษากันดีกว่า
1. ล้างครีมรอบดวงตาทุกวัน
เนื้อ ครีมที่เกาะกันเป็นก้อนแข็งไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ถ้าหากว่าหลุดเข้าไปในดวงตาเป็นประจำก็จะไปขูดให้กระจกตาถลอกได้ สาวๆ ที่ต้องแต่งหน้าทุกวันจึงต้องอย่าลืมล้างครีมและมาสคาร่าที่ป้ายไว้ออกให้ หมด สวยแล้วต้องรักษาความสะอาดด้วยถึงจะเพอร์เฟ็คท์
2. กินหอมใหญ่สีแดง
เทียบ กันแล้ว หอมใหญ่สีแดงมีสารเกอร์เซตินซึ่งต่อต้านอนุมูลอิสระได้มากกว่าหอมสีขาวเยอะ เลย และสารอาหารตัวนี้เองที่จะป้องกันไม่ให้ต้อกระจกไม่มาราวีดวงตาสวยๆ ของคุณ
3. เหนื่อยนักพักสายตาบ้าง
ดวง ตาก็เหมือนกับอวัยวะส่วนอื่นๆ ที่รู้จักปวดเมื่อยอ่อนล้าเหมือนกัน การใช้สายตาโดยไม่พักเลยจะทำให้สมรรถภาพของสายตาแย่ลง ฉะนั้นทุกๆ 30 นาที ควรให้สายตาได้พักบ้างสัก 30 วินาที
4. สวมแว่นกันแดด
การ สวมแว่นก็เพื่อป้องกันรังสียูวีจาแสงแดดมาทำลายดวงตา โดยเฉพาะเวลานั่งในรถหรือเวลาอยู่กลางแดดจ้า นอกจากนี้สีของแว่นก็สำคัญ แว่นสีแฟชั่นพวกสีส้ม แดง เหลือง จะทำให้ประสาทตาต้องทำงานหนักขึ้น แต่ถ้าใส่เป็นสีฟ้าหรือสีเทาจะช่วยให้กล้ามเนื้อตาได้พักมากกว่า
5. กินผักโขมอาทิตย์ละ 2 ครั้ง
ผักโขมอุดมไปด้วยสุดยอดสารอาหารบำรุงสายตา นั่นคือสารลูเทอิน ซึ่งานวิจัยบอกว่าช่วยป้องกันต้อกระจกและภาวะจอประสาทตาเสื่อมได้ดีมากๆ
6. ตรวจความดันเป็นประจำ
โรค ความดันโลหิตไม่ได้ทำให้สุขภาพแย่อย่างเดียว ยังทำให้สุขภาพตาเสียไปด้วย เพราะความดันที่สูงกว่าปกติจะทำลายหลอดเลือดในดวงตา ฉะนั้นอย่ามองข้ามการตรวจความดันเป็นอันขาด ผลร้ายมีมากกว่าที่คุณคิด
7. เหยาะน้ำมันกันสักนิด
น้ำมัน ที่ว่านี้คือน้ำมันหอมระเหยกลิ่นต่างๆ เช่น กลิ่นมะลิ เปปเปอร์มิ้นต์ วานิลลา จะช่วยกระตุ้นคลื่นสมองส่วนหน้า ทำให้เกิดการตื่นตัว กระปรี้กระเปร่า มีสมาธิและมองเห็นได้ชัดเจน วิธีใช้ก็ง่ายมาก แค่เหยาะน้ำมันกลิ่นที่คุณชอบลงไปที่ท้องแขนสัก 2-3 หยด หรือจะหยดใส่ผ้าเช็ดหน้าไว้สูดดมให้ชื่นใจก็ดูคุณหนูไม่เบา
8. กินมันเทศบ่อยๆ
เนื้อมันเทศอุดมไปด้วยวิตามินเอ ซึ่งช่วยเรื่องบำรุงสายตาโดยตรง ทำให้เห็นในที่มืดได้ดีขึ้น
9. ปรับจอคอมพิวเตอร์ลงอีกหน่อย
แสง จ้าผสมรังสียูวีจากคอมพิวเตอร์เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้สายตาแห้ง แต่วิธีแก้ปัญหาเล่นไม่ยาก แค่ปรับหน้าจอให้ต่ำลงกว่าสายตานิดหน่อย เพื่อที่เวลาเรามอง เปลือกตาบนจะได้หรี่ลงเล็กน้อย เหมือนเรากำลังหยีตาเวลาเจอแดด เป็นการป้องกันไม่ให้น้ำในดวงตาระเหยออกไป
10. ไม่ใช้ผ้าเช็ดหน้าร่วมกัน
เพราะ คุณไม่มีทางรู้เลยว่า ตาสวยๆ ของหวานใจจะมีเชื้ออะไรแอบอยู่บ้าง ถ้าเราเอาผ้าเช็ดหน้าที่มีเชื้อโรคมาเช็ดตาก็อาจจะติดเชื้อตาแดงมาจากสุดที่ รักก็ได้ แม้แต่ผ้าเช็ดหน้าของคุณเองก็ควรจะเปลี่ยนเอาไปซักบ่อยๆ เช่นกัน
11. หยุดใช้เกลือ
ความ เค็มจัดของเกลือเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้เกิดโรคต้อกระจกเร็วขึ้น ถ้าเปลี่ยนจากใช้เกลือมาใส่น้ำปลาหรือเครื่องเทศที่มีรสเค็มแทน จะช่วยป้องกันต้อกระจกได้ หรืออย่างน้อยก็ควรจะเลือกอาหารที่บนฉลากเขียนว่า “เกลือโซเดียมต่ำ” หรือ “ปราศจากเกลือ”
12. ปรับแอร์ออกจากตัว
เวลา นั่งรถ สาวๆ ควรจะปรับช่องแอร์ให้เบนออกห่างจากตัว อย่าให้แอร์เป่าใส่หน้าตรงๆ เพราะจะทำให้ตาแห้ง และในช่องแอร์ยังอาจจะมีเชื้อแบคทีเรียซ่อนอยู่ การไม่ส่องแอร์เข้าหาตัวจึงเป็นวิธีปลอดภัยทั้งดวงตาและต่อสุขภาพด้วย
ที่มาจาก spicy
link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี , กำจัด ริ้วรอย ให้สิ้น…รอย !!!
เครดิต siegsa
วันๆ เราใช้ดวงตาทำงานตั้งแต่ตื่นจนถึงค่ำทุกวัน บางคนทำโอทีต่อตามผับจนเกือบสว่างก็ยังมี รีบมาเอาใจดวงตาด้วยการบำรุงรักษากันดีกว่า
1. ล้างครีมรอบดวงตาทุกวัน
เนื้อ ครีมที่เกาะกันเป็นก้อนแข็งไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ถ้าหากว่าหลุดเข้าไปในดวงตาเป็นประจำก็จะไปขูดให้กระจกตาถลอกได้ สาวๆ ที่ต้องแต่งหน้าทุกวันจึงต้องอย่าลืมล้างครีมและมาสคาร่าที่ป้ายไว้ออกให้ หมด สวยแล้วต้องรักษาความสะอาดด้วยถึงจะเพอร์เฟ็คท์
2. กินหอมใหญ่สีแดง
เทียบ กันแล้ว หอมใหญ่สีแดงมีสารเกอร์เซตินซึ่งต่อต้านอนุมูลอิสระได้มากกว่าหอมสีขาวเยอะ เลย และสารอาหารตัวนี้เองที่จะป้องกันไม่ให้ต้อกระจกไม่มาราวีดวงตาสวยๆ ของคุณ
3. เหนื่อยนักพักสายตาบ้าง
ดวง ตาก็เหมือนกับอวัยวะส่วนอื่นๆ ที่รู้จักปวดเมื่อยอ่อนล้าเหมือนกัน การใช้สายตาโดยไม่พักเลยจะทำให้สมรรถภาพของสายตาแย่ลง ฉะนั้นทุกๆ 30 นาที ควรให้สายตาได้พักบ้างสัก 30 วินาที
4. สวมแว่นกันแดด
การ สวมแว่นก็เพื่อป้องกันรังสียูวีจาแสงแดดมาทำลายดวงตา โดยเฉพาะเวลานั่งในรถหรือเวลาอยู่กลางแดดจ้า นอกจากนี้สีของแว่นก็สำคัญ แว่นสีแฟชั่นพวกสีส้ม แดง เหลือง จะทำให้ประสาทตาต้องทำงานหนักขึ้น แต่ถ้าใส่เป็นสีฟ้าหรือสีเทาจะช่วยให้กล้ามเนื้อตาได้พักมากกว่า
5. กินผักโขมอาทิตย์ละ 2 ครั้ง
ผักโขมอุดมไปด้วยสุดยอดสารอาหารบำรุงสายตา นั่นคือสารลูเทอิน ซึ่งานวิจัยบอกว่าช่วยป้องกันต้อกระจกและภาวะจอประสาทตาเสื่อมได้ดีมากๆ
6. ตรวจความดันเป็นประจำ
โรค ความดันโลหิตไม่ได้ทำให้สุขภาพแย่อย่างเดียว ยังทำให้สุขภาพตาเสียไปด้วย เพราะความดันที่สูงกว่าปกติจะทำลายหลอดเลือดในดวงตา ฉะนั้นอย่ามองข้ามการตรวจความดันเป็นอันขาด ผลร้ายมีมากกว่าที่คุณคิด
7. เหยาะน้ำมันกันสักนิด
น้ำมัน ที่ว่านี้คือน้ำมันหอมระเหยกลิ่นต่างๆ เช่น กลิ่นมะลิ เปปเปอร์มิ้นต์ วานิลลา จะช่วยกระตุ้นคลื่นสมองส่วนหน้า ทำให้เกิดการตื่นตัว กระปรี้กระเปร่า มีสมาธิและมองเห็นได้ชัดเจน วิธีใช้ก็ง่ายมาก แค่เหยาะน้ำมันกลิ่นที่คุณชอบลงไปที่ท้องแขนสัก 2-3 หยด หรือจะหยดใส่ผ้าเช็ดหน้าไว้สูดดมให้ชื่นใจก็ดูคุณหนูไม่เบา
8. กินมันเทศบ่อยๆ
เนื้อมันเทศอุดมไปด้วยวิตามินเอ ซึ่งช่วยเรื่องบำรุงสายตาโดยตรง ทำให้เห็นในที่มืดได้ดีขึ้น
9. ปรับจอคอมพิวเตอร์ลงอีกหน่อย
แสง จ้าผสมรังสียูวีจากคอมพิวเตอร์เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้สายตาแห้ง แต่วิธีแก้ปัญหาเล่นไม่ยาก แค่ปรับหน้าจอให้ต่ำลงกว่าสายตานิดหน่อย เพื่อที่เวลาเรามอง เปลือกตาบนจะได้หรี่ลงเล็กน้อย เหมือนเรากำลังหยีตาเวลาเจอแดด เป็นการป้องกันไม่ให้น้ำในดวงตาระเหยออกไป
10. ไม่ใช้ผ้าเช็ดหน้าร่วมกัน
เพราะ คุณไม่มีทางรู้เลยว่า ตาสวยๆ ของหวานใจจะมีเชื้ออะไรแอบอยู่บ้าง ถ้าเราเอาผ้าเช็ดหน้าที่มีเชื้อโรคมาเช็ดตาก็อาจจะติดเชื้อตาแดงมาจากสุดที่ รักก็ได้ แม้แต่ผ้าเช็ดหน้าของคุณเองก็ควรจะเปลี่ยนเอาไปซักบ่อยๆ เช่นกัน
11. หยุดใช้เกลือ
ความ เค็มจัดของเกลือเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้เกิดโรคต้อกระจกเร็วขึ้น ถ้าเปลี่ยนจากใช้เกลือมาใส่น้ำปลาหรือเครื่องเทศที่มีรสเค็มแทน จะช่วยป้องกันต้อกระจกได้ หรืออย่างน้อยก็ควรจะเลือกอาหารที่บนฉลากเขียนว่า “เกลือโซเดียมต่ำ” หรือ “ปราศจากเกลือ”
12. ปรับแอร์ออกจากตัว
เวลา นั่งรถ สาวๆ ควรจะปรับช่องแอร์ให้เบนออกห่างจากตัว อย่าให้แอร์เป่าใส่หน้าตรงๆ เพราะจะทำให้ตาแห้ง และในช่องแอร์ยังอาจจะมีเชื้อแบคทีเรียซ่อนอยู่ การไม่ส่องแอร์เข้าหาตัวจึงเป็นวิธีปลอดภัยทั้งดวงตาและต่อสุขภาพด้วย
ที่มาจาก spicy
link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี , กำจัด ริ้วรอย ให้สิ้น…รอย !!!
เครดิต siegsa
อาวุธเสริมความงามยาม หน้าร้อน
อากาศร้อนอบอ้าวขึ้นมาอย่างกะทันหัน เป็นสัญญาณว่าหน้าร้อนย่างเข้ามาแล้ว
หน้าร้อนปีนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่าอากาศจะร้อนอบอ้าวเป็นพิเศษ ในช่วงที่ร้อนสุดๆ เขาบอกว่าขั้นต่ำตั้งต้นที่ 34 องศาเซลเซียส ฟังแล้วน่าตกใจ
เอาเถอะค่ะ ไม่ว่าอากาศจะร้อนหรืออบอ้าวขนาดไหน เตรียมอาวุธสำคัญไว้รับมือกับมันดีกว่า
ความ ร้อน คือ อุปสรรคสำคัญที่บั่นทอนความเชื่อมั่นในตัวเองของทุกๆ คน เพราะความร้อนทำให้เหงื่อออกง่าย ออกมาก และส่งกลิ่น ที่สำคัญ อากาศอบอ้าวยังทำให้หน้ามันเหมือนหนังไก่ย่างได้ง่ายๆ ไหนจะอารมณ์ที่แกว่งไกว หงุดหงิด เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งพิชิตความงามและความดูดีทั้งสิ้น
อาวุธที่ต้องติดตัวไว้ รับมือกับหน้าร้อนก็คือ
1. ก ร ะ ด า ษ ซั บ มั น
ต่อ ให้ผิวคุณดีแสนดีขนาดไหน แต่เมื่อเจอทั้งความอบอ้าว แสงแดด และลมร้อน ผิวหน้าของคุณก็จะขับน้ำมันออกมา ทำให้หน้าเงาวับ โดยเฉพาะบริเวณทีโซน พกกระดาษซับมันเอาไว้ คอยซับเป็นระยะๆ ก็จะช่วยจัดการกับความมันส่วนเกินบนผิวหน้าออกไปได้ นอกจากจะช่วยให้ดูดีอยู่เสมอ และทำให้มั่นใจที่จะเผยหน้าให้ใครต่อใครได้เห็นแล้ว ยังเป็นประโยชน์ต่อการรักษาความสะอาดด้วย เพราะน้ำมันบนใบหน้าคือตัวการดูดซับฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกที่ลอยฟุ้งอยู่ใน อากาศให้ติดอยู่บนผิว จากนั้นจุลินทรีย์ก็เข้ามาจัดการกับสิ่งสกปรกเหล่านี้ และทิ้งผลร้ายไว้กับผิวหน้าของเรา ออกจากบ้านเวลานี้ จึงควรมีกระดาษซับมันติดตัว
2. ผ้ า เ ช็ ด ห น้ า
นอก จากความมันแล้ว สิ่งที่ร่างกายจะขับออกมาเพื่อรักษาอุณหภูมิให้สมดุลก็คือเหงื่อ โดยเฉพาะบางคนเหงื่อออกง่ายมาก ผ้าเช็ดหน้าจะช่วยซับเหงื่อเหล่านี้ได้ดี โดยเฉพาะบริเวณข้างแก้ม กราม และลำคอ ซึ่งเหงื่อจะออกมาก หากใช้กระดาษทิชชูเช็ดก็อาจมีเศษทิชชูติดอยู่มากและสิ้นเปลือง ใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อส่วนเกินออกดีกว่าเช็ดหรือปาด เพราะไม่ทำให้เครื่องสำอางที่เราบรรจงตกแต่งผิวไว้หลุดลอก จนให้สีที่ไม่เสมอกัน ผ้าเช็ดหน้านั้นจึงควรมีคุณสมบัติซับน้ำได้ดี บางเบา และนุ่มละมุนต่อผิว
3. แ ป้ ง สำ ห รั บ เ ติ ม ห น้ า
ควรเป็นแป้งที่ไม่ผสมรองพื้นและควรใช้สำหรับซับ โดยใช้พัฟฟ์ซับผงแป้งไว้ ก่อนจะห่อด้วยกระดาษทิชชู 1 ชั้น เพื่อป้องกันแป้งติดหน้าเป็นปื้น ไม่นวลเนียน เนื่องจากหน้าร้อน ผิวหน้ามีความชื้นมาก หากปัดแป้งลงมาโดยตรง หรือซับแป้งลงบนหน้าโดยไม่มีกระดาษทิชชูช่วยซับความชื้น แป้งก็จะเกาะกันเป็นปื้น ต้องเสียเวลาเกลี่ย และทำให้ไม่เนียนเรียบสม่ำเสมอ ก่อนเติมแป้งจึงควรจะซับหน้าให้แห้งดีเสียก่อน และที่ไม่แนะนำให้ใช้แป้งแข็งหรือแป้งผสมรองพื้น ก็เพราะจะทำให้เครื่องสำอางบนหน้าหนาขึ้นเรื่อยๆ จนเหมือน โบกหน้า มากกว่า แต่งหน้า ดูหลอกตาและไม่สวย
4. ลิ ป ส ติ ก
หน้า ร้อนนี้ควรเป็นสีนู้ดๆ หรือสีระเรื่อๆ มากกว่าสีแปร๋นๆ เพราะเราจะกระหายน้ำบ่อย ดื่มน้ำมาก จนสีปากหลุดเลือน ต้องคอยเติมบ่อยๆ ซึ่งหากแต่งปากด้วยสีเข้มจะเป็นภาระให้ต้องคอยเติมอยู่บ่อยๆ และไม่ควรจะมันวาวมาก เพราะผิวหน้ามีแนวโน้มที่จะมันวาวง่ายอยู่แล้ว หากเพิ่มความมันวาวบนริมฝีปากอีก จะยิ่งส่งผลให้หน้าดูมันมากกว่าปกติได้
5. ร ะ วั ง ก า ว ข น ต า
เพราะ หน้าร้อน เหงื่อออกง่ายและออกมาก คนที่พึ่งพาบริการของขนตาปลอมต้องระวังว่ากาวขนตาจะชื้น และทำให้ขนตาปลอมหลุดล่อน ที่สำคัญ กาวที่ใช้ต้องมีความปลอดภัย ได้คุณภาพ เพราะเหงื่ออาจละลายกาวและไหลเข้าตาเราได้ง่ายๆ ป้องกันอันตรายเอาไว้ตั้งแต่ต้นย่อมดีกว่า จริงไหมคะ
6. อ า ย ไ ล เ น อ ร์ กั บ ม า ส ค า ร า ช นิ ด กั น น้ำ
อยาก แต่งตาสวยด้วยการกรีดอายไลเนอร์และปัดขนตาด้วยมาสคารา เพื่อให้ดูดกหนาและงอนงามยิ่งขึ้น ไม่ว่ากันค่ะ เพราะอย่างไรความสุขใจก็อยู่ที่การได้แต่ง แต่งแล้วสวย ก็มั่นใจที่จะไปไหนมาไหนหรือพบปะผู้คน แต่เพื่อไม่ให้กลายเป็นหมีแพนด้าเวลาเจอกับเหงื่อ อายไลเนอร์กับมาสคาราที่ใช้ควรเป็นชนิดกันน้ำ เพื่อป้องกันการไหลเยิ้มและเลอะเทอะ
7. น้ำ ดื่ ม
ควร พกน้ำดื่มขวดเล็กๆ ติดกระเป๋าไว้บ้าง เพราะคุณจะกระหายน้ำง่าย ทำให้ริมฝีปากแห้ง ซึ่งอาจแตกหรือหลุดลอก ดูแล้วไม่งาม หมั่นจิบน้ำเป็นระยะๆ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นในช่องปาก ลดกลิ่นปาก และเผื่อแผ่ความชุ่มชื่นมายังริมฝีปากได้ด้วย
8. อุ ป ก ร ณ์ ดั บ ก ลิ่ น
หาก คุณเป็นคนที่มีกลิ่นตัวแรง ควรดับกลิ่นให้ดีๆ เพราะหน้าร้อนนี้ เวลาเหงื่อท่วมตัวแล้ว กลิ่นต่างๆ มักจะโชยออกมาได้มากกว่าปกติ โรลออนที่ใช้อยู่ต้องดูว่าประสิทธิภาพยังเพียงพอไหม ถ้าไม่พอต้องเปลี่ยนยี่ห้อ หาชนิดที่คุ้มครองรักแร้คุณ ระงับทั้งเหงื่อและกลิ่นได้ดีไปตลอดทั้งวัน หรือพักกลางวันควรจะได้เช็ดรักแร้และทาโรลออนใหม่ ฉีดน้ำหอมบ้างเล็กน้อย ก็จะช่วยให้ปัญหาเรื่องกลิ่นเบาบางลง เช่นเดียวกับกลิ่นเท้า ก็ควรเปลี่ยนรองเท้าบ้าง ถุงเท้าควรมีมาสับเปลี่ยน และพกสเปรย์ฉีดเท้าติดไว้ด้วย
9. ร่ ม
หาก ไม่รุงรังจนเกินไป เลือกร่มขนาดพกพาที่น้ำหนักไม่มากมาติดกระเป๋าไว้ เพราะบางช่วงแสงแดดก็แรงเกินไป ร่มจะช่วยปกป้องคุณจากการถูกแดดเผาได้ไม่มากก็น้อย
10. ค รี ม กั น แ ด ด
เลือก ชนิดติดผิวทนและมีประสิทธิภาพในการปกป้องผิวคุณจากรังสีอัลตราไวโอเลตทุก ชนิด ควรทาครีมกันแดดเสียก่อนรองพื้นเพื่อแต่งหน้า อย่าลืมว่าครีมกันแดดบางยี่ห้อให้สีขาวบนผิวด้วย ซึ่งจะส่งผลต่อการแต่งหน้าที่หากแต่งตามปกติ หน้าจะขาวจนเกินงามได้
11. เ สื้ อ ผ้ า ห น้ า ร้ อ น
แม้ อากาศจะร้อน แต่เสื้อก็ควรปกป้องผิวพรรณส่วนใหญ่ได้ ไม่ควรเป็นเสื้อแขนสั้นหรือสายเดี่ยวที่เปิดโอกาสให้แสงแดดทำลายผิว เสื้อแขนยาวจะดีกว่า แต่ต้องเลือกเนื้อผ้าที่โปร่งบาง ระบายความร้อนได้ดี ก็ช่วยไม่ให้ผิวต้องปวดแสบปวดร้อนเพราะถูกแดด
หน้า ร้อนทำให้หลายคนนึกถึงทะเลและการพักผ่อนในบรรยากาศแบบธรรมชาติ แต่อย่าลืมว่านั่นเป็นเพียงกิจกรรมส่วนน้อยในชีวิตประวัน จึงควรต้องหันมาดูแลและใส่ใจในวันธรรมดาๆ ของชีวิตให้มาก
ถ้าไม่อยากถูกความร้อนและแดดทำร้ายเสียจนความดูดีสิ้นสลาย!
ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก โพส์ทูเด
link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี , 8 วิธีดูแลความงามด้วยดีเกลือ
เครดิค siegsa
อากาศร้อนอบอ้าวขึ้นมาอย่างกะทันหัน เป็นสัญญาณว่าหน้าร้อนย่างเข้ามาแล้ว
หน้าร้อนปีนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่าอากาศจะร้อนอบอ้าวเป็นพิเศษ ในช่วงที่ร้อนสุดๆ เขาบอกว่าขั้นต่ำตั้งต้นที่ 34 องศาเซลเซียส ฟังแล้วน่าตกใจ
เอาเถอะค่ะ ไม่ว่าอากาศจะร้อนหรืออบอ้าวขนาดไหน เตรียมอาวุธสำคัญไว้รับมือกับมันดีกว่า
ความ ร้อน คือ อุปสรรคสำคัญที่บั่นทอนความเชื่อมั่นในตัวเองของทุกๆ คน เพราะความร้อนทำให้เหงื่อออกง่าย ออกมาก และส่งกลิ่น ที่สำคัญ อากาศอบอ้าวยังทำให้หน้ามันเหมือนหนังไก่ย่างได้ง่ายๆ ไหนจะอารมณ์ที่แกว่งไกว หงุดหงิด เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งพิชิตความงามและความดูดีทั้งสิ้น
อาวุธที่ต้องติดตัวไว้ รับมือกับหน้าร้อนก็คือ
1. ก ร ะ ด า ษ ซั บ มั น
ต่อ ให้ผิวคุณดีแสนดีขนาดไหน แต่เมื่อเจอทั้งความอบอ้าว แสงแดด และลมร้อน ผิวหน้าของคุณก็จะขับน้ำมันออกมา ทำให้หน้าเงาวับ โดยเฉพาะบริเวณทีโซน พกกระดาษซับมันเอาไว้ คอยซับเป็นระยะๆ ก็จะช่วยจัดการกับความมันส่วนเกินบนผิวหน้าออกไปได้ นอกจากจะช่วยให้ดูดีอยู่เสมอ และทำให้มั่นใจที่จะเผยหน้าให้ใครต่อใครได้เห็นแล้ว ยังเป็นประโยชน์ต่อการรักษาความสะอาดด้วย เพราะน้ำมันบนใบหน้าคือตัวการดูดซับฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกที่ลอยฟุ้งอยู่ใน อากาศให้ติดอยู่บนผิว จากนั้นจุลินทรีย์ก็เข้ามาจัดการกับสิ่งสกปรกเหล่านี้ และทิ้งผลร้ายไว้กับผิวหน้าของเรา ออกจากบ้านเวลานี้ จึงควรมีกระดาษซับมันติดตัว
2. ผ้ า เ ช็ ด ห น้ า
นอก จากความมันแล้ว สิ่งที่ร่างกายจะขับออกมาเพื่อรักษาอุณหภูมิให้สมดุลก็คือเหงื่อ โดยเฉพาะบางคนเหงื่อออกง่ายมาก ผ้าเช็ดหน้าจะช่วยซับเหงื่อเหล่านี้ได้ดี โดยเฉพาะบริเวณข้างแก้ม กราม และลำคอ ซึ่งเหงื่อจะออกมาก หากใช้กระดาษทิชชูเช็ดก็อาจมีเศษทิชชูติดอยู่มากและสิ้นเปลือง ใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อส่วนเกินออกดีกว่าเช็ดหรือปาด เพราะไม่ทำให้เครื่องสำอางที่เราบรรจงตกแต่งผิวไว้หลุดลอก จนให้สีที่ไม่เสมอกัน ผ้าเช็ดหน้านั้นจึงควรมีคุณสมบัติซับน้ำได้ดี บางเบา และนุ่มละมุนต่อผิว
3. แ ป้ ง สำ ห รั บ เ ติ ม ห น้ า
ควรเป็นแป้งที่ไม่ผสมรองพื้นและควรใช้สำหรับซับ โดยใช้พัฟฟ์ซับผงแป้งไว้ ก่อนจะห่อด้วยกระดาษทิชชู 1 ชั้น เพื่อป้องกันแป้งติดหน้าเป็นปื้น ไม่นวลเนียน เนื่องจากหน้าร้อน ผิวหน้ามีความชื้นมาก หากปัดแป้งลงมาโดยตรง หรือซับแป้งลงบนหน้าโดยไม่มีกระดาษทิชชูช่วยซับความชื้น แป้งก็จะเกาะกันเป็นปื้น ต้องเสียเวลาเกลี่ย และทำให้ไม่เนียนเรียบสม่ำเสมอ ก่อนเติมแป้งจึงควรจะซับหน้าให้แห้งดีเสียก่อน และที่ไม่แนะนำให้ใช้แป้งแข็งหรือแป้งผสมรองพื้น ก็เพราะจะทำให้เครื่องสำอางบนหน้าหนาขึ้นเรื่อยๆ จนเหมือน โบกหน้า มากกว่า แต่งหน้า ดูหลอกตาและไม่สวย
4. ลิ ป ส ติ ก
หน้า ร้อนนี้ควรเป็นสีนู้ดๆ หรือสีระเรื่อๆ มากกว่าสีแปร๋นๆ เพราะเราจะกระหายน้ำบ่อย ดื่มน้ำมาก จนสีปากหลุดเลือน ต้องคอยเติมบ่อยๆ ซึ่งหากแต่งปากด้วยสีเข้มจะเป็นภาระให้ต้องคอยเติมอยู่บ่อยๆ และไม่ควรจะมันวาวมาก เพราะผิวหน้ามีแนวโน้มที่จะมันวาวง่ายอยู่แล้ว หากเพิ่มความมันวาวบนริมฝีปากอีก จะยิ่งส่งผลให้หน้าดูมันมากกว่าปกติได้
5. ร ะ วั ง ก า ว ข น ต า
เพราะ หน้าร้อน เหงื่อออกง่ายและออกมาก คนที่พึ่งพาบริการของขนตาปลอมต้องระวังว่ากาวขนตาจะชื้น และทำให้ขนตาปลอมหลุดล่อน ที่สำคัญ กาวที่ใช้ต้องมีความปลอดภัย ได้คุณภาพ เพราะเหงื่ออาจละลายกาวและไหลเข้าตาเราได้ง่ายๆ ป้องกันอันตรายเอาไว้ตั้งแต่ต้นย่อมดีกว่า จริงไหมคะ
6. อ า ย ไ ล เ น อ ร์ กั บ ม า ส ค า ร า ช นิ ด กั น น้ำ
อยาก แต่งตาสวยด้วยการกรีดอายไลเนอร์และปัดขนตาด้วยมาสคารา เพื่อให้ดูดกหนาและงอนงามยิ่งขึ้น ไม่ว่ากันค่ะ เพราะอย่างไรความสุขใจก็อยู่ที่การได้แต่ง แต่งแล้วสวย ก็มั่นใจที่จะไปไหนมาไหนหรือพบปะผู้คน แต่เพื่อไม่ให้กลายเป็นหมีแพนด้าเวลาเจอกับเหงื่อ อายไลเนอร์กับมาสคาราที่ใช้ควรเป็นชนิดกันน้ำ เพื่อป้องกันการไหลเยิ้มและเลอะเทอะ
7. น้ำ ดื่ ม
ควร พกน้ำดื่มขวดเล็กๆ ติดกระเป๋าไว้บ้าง เพราะคุณจะกระหายน้ำง่าย ทำให้ริมฝีปากแห้ง ซึ่งอาจแตกหรือหลุดลอก ดูแล้วไม่งาม หมั่นจิบน้ำเป็นระยะๆ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นในช่องปาก ลดกลิ่นปาก และเผื่อแผ่ความชุ่มชื่นมายังริมฝีปากได้ด้วย
8. อุ ป ก ร ณ์ ดั บ ก ลิ่ น
หาก คุณเป็นคนที่มีกลิ่นตัวแรง ควรดับกลิ่นให้ดีๆ เพราะหน้าร้อนนี้ เวลาเหงื่อท่วมตัวแล้ว กลิ่นต่างๆ มักจะโชยออกมาได้มากกว่าปกติ โรลออนที่ใช้อยู่ต้องดูว่าประสิทธิภาพยังเพียงพอไหม ถ้าไม่พอต้องเปลี่ยนยี่ห้อ หาชนิดที่คุ้มครองรักแร้คุณ ระงับทั้งเหงื่อและกลิ่นได้ดีไปตลอดทั้งวัน หรือพักกลางวันควรจะได้เช็ดรักแร้และทาโรลออนใหม่ ฉีดน้ำหอมบ้างเล็กน้อย ก็จะช่วยให้ปัญหาเรื่องกลิ่นเบาบางลง เช่นเดียวกับกลิ่นเท้า ก็ควรเปลี่ยนรองเท้าบ้าง ถุงเท้าควรมีมาสับเปลี่ยน และพกสเปรย์ฉีดเท้าติดไว้ด้วย
9. ร่ ม
หาก ไม่รุงรังจนเกินไป เลือกร่มขนาดพกพาที่น้ำหนักไม่มากมาติดกระเป๋าไว้ เพราะบางช่วงแสงแดดก็แรงเกินไป ร่มจะช่วยปกป้องคุณจากการถูกแดดเผาได้ไม่มากก็น้อย
10. ค รี ม กั น แ ด ด
เลือก ชนิดติดผิวทนและมีประสิทธิภาพในการปกป้องผิวคุณจากรังสีอัลตราไวโอเลตทุก ชนิด ควรทาครีมกันแดดเสียก่อนรองพื้นเพื่อแต่งหน้า อย่าลืมว่าครีมกันแดดบางยี่ห้อให้สีขาวบนผิวด้วย ซึ่งจะส่งผลต่อการแต่งหน้าที่หากแต่งตามปกติ หน้าจะขาวจนเกินงามได้
11. เ สื้ อ ผ้ า ห น้ า ร้ อ น
แม้ อากาศจะร้อน แต่เสื้อก็ควรปกป้องผิวพรรณส่วนใหญ่ได้ ไม่ควรเป็นเสื้อแขนสั้นหรือสายเดี่ยวที่เปิดโอกาสให้แสงแดดทำลายผิว เสื้อแขนยาวจะดีกว่า แต่ต้องเลือกเนื้อผ้าที่โปร่งบาง ระบายความร้อนได้ดี ก็ช่วยไม่ให้ผิวต้องปวดแสบปวดร้อนเพราะถูกแดด
หน้า ร้อนทำให้หลายคนนึกถึงทะเลและการพักผ่อนในบรรยากาศแบบธรรมชาติ แต่อย่าลืมว่านั่นเป็นเพียงกิจกรรมส่วนน้อยในชีวิตประวัน จึงควรต้องหันมาดูแลและใส่ใจในวันธรรมดาๆ ของชีวิตให้มาก
ถ้าไม่อยากถูกความร้อนและแดดทำร้ายเสียจนความดูดีสิ้นสลาย!
ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก โพส์ทูเด
link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี , 8 วิธีดูแลความงามด้วยดีเกลือ
เครดิค siegsa
นวดหน้าอก ด้วยตัวเอง
หน้าอกของเราเป็นสิ่งที่เราควรดูแลรักษาอย่างดี เพื่อให้เลือดและน้ำเหลืองไหลเวียนได้ดี และช่วยขจัดสารพิษออกไปด้วยค่ะ
+ ใช้ฝ่ามือทั้งสองกุมทรวงอกแล้วนวดเบาๆ
+ ยกแขนซ้ายขึ้น ใช้มือขวาจับที่ด้านในของต้นแขนซ้าย แล้วนวดช้าๆ จากใต้รักแร้มาที่ด้านหน้าของอก พร้อมกับตบเบาๆ แล้วทำอีกข้างแบบเดียวกัน
+ ใช้แรงกดที่ช่องระหว่างซี่โครง เพื่อให้ก้อนบวมที่สะสมอยู่สลายไป กางนิ้วทั้งสิบออก กดกลึงทรวงอกจากด้านในตรงกลางออกไปด้านนอก แล้วกดกลึงด้านนอกเข้าด้านใน
+ กดตรงกลางของกระดูกหน้าอก เริ่มจากใต้คอผ่านจุดกึ่งกลางลงไปถึงลิ้นปี่
+ แกว่งแขนทั้งสองข้างไปข้างหลังช้าๆ เหมือนกับพายเรือแล้วเดิน ท่านี้ควรทำเป็นประจำ จะช่วยให้ขจัดก้อนบวมและการไหลเวียนของน้เหลืองดีขึ้น
+ ยกแขนขึ้นกางออกเหมือนผีเสื้อหรือนกกระพือปีก แล้วหายใจเข้าออกพร้อมกับร้องฮูฮา ไปด้วย ท่านี้จะช่วยกระชับทรวงอกได้ด้วยค่ะ
linkที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี , วิธีดูแลเมื่อเหงื่อท่วมรักแร้
เครดิต siegsa
หน้าอกของเราเป็นสิ่งที่เราควรดูแลรักษาอย่างดี เพื่อให้เลือดและน้ำเหลืองไหลเวียนได้ดี และช่วยขจัดสารพิษออกไปด้วยค่ะ
+ ใช้ฝ่ามือทั้งสองกุมทรวงอกแล้วนวดเบาๆ
+ ยกแขนซ้ายขึ้น ใช้มือขวาจับที่ด้านในของต้นแขนซ้าย แล้วนวดช้าๆ จากใต้รักแร้มาที่ด้านหน้าของอก พร้อมกับตบเบาๆ แล้วทำอีกข้างแบบเดียวกัน
+ ใช้แรงกดที่ช่องระหว่างซี่โครง เพื่อให้ก้อนบวมที่สะสมอยู่สลายไป กางนิ้วทั้งสิบออก กดกลึงทรวงอกจากด้านในตรงกลางออกไปด้านนอก แล้วกดกลึงด้านนอกเข้าด้านใน
+ กดตรงกลางของกระดูกหน้าอก เริ่มจากใต้คอผ่านจุดกึ่งกลางลงไปถึงลิ้นปี่
+ แกว่งแขนทั้งสองข้างไปข้างหลังช้าๆ เหมือนกับพายเรือแล้วเดิน ท่านี้ควรทำเป็นประจำ จะช่วยให้ขจัดก้อนบวมและการไหลเวียนของน้เหลืองดีขึ้น
+ ยกแขนขึ้นกางออกเหมือนผีเสื้อหรือนกกระพือปีก แล้วหายใจเข้าออกพร้อมกับร้องฮูฮา ไปด้วย ท่านี้จะช่วยกระชับทรวงอกได้ด้วยค่ะ
linkที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี , วิธีดูแลเมื่อเหงื่อท่วมรักแร้
เครดิต siegsa
วิธี กรีด อายไลเนอร์
วิธี กรีด อายไลเนอร์
การเขียนอายไลเนอร์นั้น หากเป็นการแต่งหน้าธรรมดา ก็เขียนแต่เพียงขอบตาบนก็พอ เพื่อให้ขอบตาชัดขึ้น ทำให้ดูตากลมโตขี้นค่ะ
ก่อนอื่นหลับตาข้างที่ต้องการจะเขียน
สำหรับ ขอบตาบนค่อย ๆ ลากเส้นอายไลเนอร์จากหัวตา ไม่ต้องติดหัวตามากนะคะ เว้นระยะไว้นิดนึง หรือ ลากมาจากเส้นขอบขนตา มายังหางตา และเขียนให้ติดขนตาให้มากทีสุด
เมื่อถึงหางตาก็ตวัดอายไลเนอร์ขั้นนิดนึง เพื่อให้หางตาดูสวยขึ้น
หากมีการเลอะของอายไลเนอร์ ให้ใช้คัดเติลบัชเช็ดอายไลเนอร์ที่เลอะออกได้ค่ะ แต่ต้องเร็วหน่อยนะคะ ก่อนที่อายไลเนอร์จะแห้ง
ทริปเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับสาว ๆ นะคะ
สาว ๆ ที่มีตาโตอยู่แล้วนั้น กรีดเพียงบาง ๆ ก็พอค่ะ ตาจะดูสวยซึ้งขึ้น
สาว ๆ ที่มีดวงดาเล็ก หรือสาวหมวยก็เขียนเป็นเส้นหนาขึ้นได้ค่ะ เพื่อให้ดวงตาดูโตขึ้น
ที่มาจาก TTT online
link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี , Tips ในการเลือกสีทาเล็บ
เครดิต siegsa
การเขียนอายไลเนอร์นั้น หากเป็นการแต่งหน้าธรรมดา ก็เขียนแต่เพียงขอบตาบนก็พอ เพื่อให้ขอบตาชัดขึ้น ทำให้ดูตากลมโตขี้นค่ะ
ก่อนอื่นหลับตาข้างที่ต้องการจะเขียน
สำหรับ ขอบตาบนค่อย ๆ ลากเส้นอายไลเนอร์จากหัวตา ไม่ต้องติดหัวตามากนะคะ เว้นระยะไว้นิดนึง หรือ ลากมาจากเส้นขอบขนตา มายังหางตา และเขียนให้ติดขนตาให้มากทีสุด
เมื่อถึงหางตาก็ตวัดอายไลเนอร์ขั้นนิดนึง เพื่อให้หางตาดูสวยขึ้น
หากมีการเลอะของอายไลเนอร์ ให้ใช้คัดเติลบัชเช็ดอายไลเนอร์ที่เลอะออกได้ค่ะ แต่ต้องเร็วหน่อยนะคะ ก่อนที่อายไลเนอร์จะแห้ง
ทริปเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับสาว ๆ นะคะ
สาว ๆ ที่มีตาโตอยู่แล้วนั้น กรีดเพียงบาง ๆ ก็พอค่ะ ตาจะดูสวยซึ้งขึ้น
สาว ๆ ที่มีดวงดาเล็ก หรือสาวหมวยก็เขียนเป็นเส้นหนาขึ้นได้ค่ะ เพื่อให้ดวงตาดูโตขึ้น
ที่มาจาก TTT online
link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี , Tips ในการเลือกสีทาเล็บ
เครดิต siegsa
วิธีแก้กลิ่นเต่าแรง
วิธีแก้กลิ่นเต่าแรง
วิธีแก้กลิ่นเต่าแรง คือ ให้นำ สารส้ม มาถูรักแร้ตอนอาบน้ำเสร็จใหม่ ๆ แล้ว หรือไม่ก็นำ ใบตำลึง กับ ปูนแดง โดย ตำใบตำลึงให้เละที่สุด แล้วนำมาผสมกับปูนแดงสักก้อนเล็ก ๆ ผสมให้ทั่วกันดีแล้ว ก็นำมาทาที่รักแร้เพียงบาง ๆ แล้วปล่อยให้แห้งเอง ควรทำตอนอาบน้ำก่อนไปทำงานตอนเช้า จะได้ทำงานได้ตลอดวัน โดยไม่มีกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ ออกมารบกวนใครต่อใคร
ถ้าอยากหายจากการมีกลิ่นเต่าแรง ก็อย่าลืมนำวิธีที่แนะนำไปปฏิบัติตามกันได้คะ.
ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก เดลินิวส์
มาดูรู้จักกันดีกว่าว่าโรลออน
ที่สาวๆ women.mthai.com ชอบใช้กันมันมีแบบไหนบ้าง
Dove Roll On Deodorant Invisible
โรลออนแบบที่ 1
รุ่นนี้ออกแบบมาใหม่
ให้เราใช้ง่ายขึ้น
เพราะเปลี่ยนฝามาอยู่ด้านล่าง
จากรุ่นเก่าที่ลูกกลิ้งจะอยุ่ด้านบนใช้ที
ก็ต้องเขย่าหรือคว่ำขวดเพื่อที่จะใช้
เค้าเลยเอาใจเปลี่ยนลุกกลิ้งมาอยู่ด้านล่างซะเลย
Dove Invisible Solid, Radiant Silk
แบบที่ 2
เป็นรุ่น dry stick
ทาปุ๊บแห้งปั๊บ
ไม่ต้องมาต้องรอให้แห้งนั่งเป่าพัดลม
ให้เหนียวเหนอะหนะ
รุ่นนี้แสน่ห์ใช้อยู่
ของโดฟกลิ่นหอมสุดๆๆ
ชอบตรงที่กลิ่นมันหอมชื่นใจ
ใช้ได้นานอีกด้วย คุ้มอยู่
Dove Deodorant Roll-on
โรลอนนแบบที่ 3
เป็นแบบรุ่นเก่าดั้งเดิมเลย
เป็นแบบน้ำทาแล้วก็ต้องรอให้แห้งก่อน
อาจจะเหนียวแหนะหนะสักหน่อย
แต่ก็เห็นยังมีคนชอบใช้อยู่นะ
สารส้มแบบโรลออน
แบบสุดท้าย
ขอบแนะนำแบบบ้านๆดูบ้าง
ใช้ได้นานมากประมาณ 6-12 เดือน
แสนเสน่ห์ก็เคยลองซื้อมาใช้นะ
อันละ 50 เอง ถูกดีนะ
มีกลิ่นหอมเล็กน้อยไม่ฉุนมาก
ทำจากธรรมชาติ ปลอดภัยดีด้วย
เค้าให้ใช้หลังอาบน้ำเสร็จมาดๆทาได้เลย
ต้องใช้ตอนที่ผิวยังเปียกอยู่นะ
ดี ไม่ดี ก็ลองไปซื้อใช้ได้ตามท้องตลาดทั่วไป
แต่เราไปที่เซ็นทรัลลาดพร้าว
ของดีเลยอยากแนะนำมาบอกค่ะ
ไม่ได้ค่าโฆษณานะเนี่ย อิอิ
…………………
…………
…..
ชอบใช้แบบไหน
หรือมีแบบอื่นที่อยากแนะนำ
ก็คอมเม้นต์มาบ้างนะ
กลิ่นใครแรงก็ดูแลกันเองนะจ๊ะ
อย่าปล่อยให้เต่าเพ่นพ่าน …….
link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี , การชะลอการแก่ของผิว
เครดิต siegsa
7 ขั้นตอนเพื่อผิวหน้ากระจ่างใส
7 ขั้นตอนเพื่อผิวหน้ากระจ่างใส
การมีผิวสวยกระจ่างใสไม่ใช่เรื่องยาก แค่สาวๆใส่ใจผิวพรรณ วันนี้แสนเสน่ห์จะมาบอกสาวๆ Women Mthai ถึงขั้นตอนการบำรุงผิวหน้าอย่างถูกต้องกันนะค่ะ
ขั้นที่1 ล้างเครื่องสำอางค์
มี ทั้งแบบออยล์ แบบน้ำนม ครีม เจล มูส จะใช้แบบไหนก็แล้วแต่ผิวหน้าแต่ละคน สาวๆจำเป็นอย่างยิ่งต้องล้างหน้าให้สะอาด เหตุที่สิวขึ้นก็มีส่วนจากการที่เราล้างหน้าไม่สะอาด และส่งผลให้ครีมบำรุงที่เราประโคมทากันเข้าไปซึมซาบถึงผิวหนังได้ไม่ดี บำรุงยังไงก็ไม่ถึงชั้นผิวหนังอยู่ดี ถ้าเราล้างหน้าอย่างสะอาดครีมที่เราทาก็จะมีประสิทธิมากยิ่งขึ้น
ขั้นที่2 สบู่ โฟม เจลล้าง
เพื่อขจัดฝุ่นละอองที่อุดตันรูขุมขน เลือกใช้ตามสภาพผิวหน้าของแต่ละคน หรือเพื่อปรับผิวขาว ผิวแพ้ง่าย
ขั้นที่3 โทนเนอร์ - โลชั่น
โทน เนอร์จะช่วยขจัดสิ่งสกปรกที่ยังตกค้างจากการล้างหน้า เป็นขั้นตอนสุดท้ายของการทำความสะอาดผิวและยังช่วยกระชับรูขุมขนบนใบหน้าอีก ด้วย ที่สำคัญควรใช้แบบที่ไม่ผสมแอลกฮอล์ ต้องเลือกดูให้ดีๆ แล้วใช้โลชั่นเพื่อคืนความชุ่มชื้นให้แก่ผิวอีกที
ขั้นที่4 เอสเซนส์ เซรั่ม
เอสเซ้นส์ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า เซรั่มจะมีความเข้มข้นมากกว่า จะช่วยลดริ้วรอย กระชับใบหน้าให้เรียบเนียน
ขั้นที่5 บำรุงรอบดวงตา
จะมีแบบเพื่อลดริ้วรอยและเพื่อลดรอยคล้ำใต้ดวงตา ซึ่ง จะช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิวรอบดวงตา ดวงตาเป็นส่วนที่บอบบางจึงต้องดูแลเป็นพิเศษ เด๊ยวอีกหน่อยรอยตีนมามาครีมอะไรก็เอาไม่อยู่นะจ๊ะ
ขั้นที่6 เดย์ครีม ไนท์ครีม
ครีมบำรุงกลางวันและครีมบำรุงกลางคืน ส่วนมากเนื้อครีมจะเหนียว และส่วนผสมของมอยซ์เจอร์ไรเซอร์เพื่อเพิ่มความชุมชื้นให้กับผิว
ขั้นที่7 ครีมกันแดด
เพื่อป้องกันรังสียูวี และไม่ทำให้ผิวหมองคล้ำ ควรทาเป็นประจำทุกวันเพื่อปกป้องผิวให้คงความผิวกระจ่างใส
อยากผิวหน้าสวยใสต้องหมั่นใส่ใจตัวเองนะจ๊ะ…
link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี , วิธีป้องกันการแพ้เครื่องสำอางค์
เครดิต siegsa
การมีผิวสวยกระจ่างใสไม่ใช่เรื่องยาก แค่สาวๆใส่ใจผิวพรรณ วันนี้แสนเสน่ห์จะมาบอกสาวๆ Women Mthai ถึงขั้นตอนการบำรุงผิวหน้าอย่างถูกต้องกันนะค่ะ
ขั้นที่1 ล้างเครื่องสำอางค์
มี ทั้งแบบออยล์ แบบน้ำนม ครีม เจล มูส จะใช้แบบไหนก็แล้วแต่ผิวหน้าแต่ละคน สาวๆจำเป็นอย่างยิ่งต้องล้างหน้าให้สะอาด เหตุที่สิวขึ้นก็มีส่วนจากการที่เราล้างหน้าไม่สะอาด และส่งผลให้ครีมบำรุงที่เราประโคมทากันเข้าไปซึมซาบถึงผิวหนังได้ไม่ดี บำรุงยังไงก็ไม่ถึงชั้นผิวหนังอยู่ดี ถ้าเราล้างหน้าอย่างสะอาดครีมที่เราทาก็จะมีประสิทธิมากยิ่งขึ้น
ขั้นที่2 สบู่ โฟม เจลล้าง
เพื่อขจัดฝุ่นละอองที่อุดตันรูขุมขน เลือกใช้ตามสภาพผิวหน้าของแต่ละคน หรือเพื่อปรับผิวขาว ผิวแพ้ง่าย
ขั้นที่3 โทนเนอร์ - โลชั่น
โทน เนอร์จะช่วยขจัดสิ่งสกปรกที่ยังตกค้างจากการล้างหน้า เป็นขั้นตอนสุดท้ายของการทำความสะอาดผิวและยังช่วยกระชับรูขุมขนบนใบหน้าอีก ด้วย ที่สำคัญควรใช้แบบที่ไม่ผสมแอลกฮอล์ ต้องเลือกดูให้ดีๆ แล้วใช้โลชั่นเพื่อคืนความชุ่มชื้นให้แก่ผิวอีกที
ขั้นที่4 เอสเซนส์ เซรั่ม
เอสเซ้นส์ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า เซรั่มจะมีความเข้มข้นมากกว่า จะช่วยลดริ้วรอย กระชับใบหน้าให้เรียบเนียน
ขั้นที่5 บำรุงรอบดวงตา
จะมีแบบเพื่อลดริ้วรอยและเพื่อลดรอยคล้ำใต้ดวงตา ซึ่ง จะช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิวรอบดวงตา ดวงตาเป็นส่วนที่บอบบางจึงต้องดูแลเป็นพิเศษ เด๊ยวอีกหน่อยรอยตีนมามาครีมอะไรก็เอาไม่อยู่นะจ๊ะ
ขั้นที่6 เดย์ครีม ไนท์ครีม
ครีมบำรุงกลางวันและครีมบำรุงกลางคืน ส่วนมากเนื้อครีมจะเหนียว และส่วนผสมของมอยซ์เจอร์ไรเซอร์เพื่อเพิ่มความชุมชื้นให้กับผิว
ขั้นที่7 ครีมกันแดด
เพื่อป้องกันรังสียูวี และไม่ทำให้ผิวหมองคล้ำ ควรทาเป็นประจำทุกวันเพื่อปกป้องผิวให้คงความผิวกระจ่างใส
อยากผิวหน้าสวยใสต้องหมั่นใส่ใจตัวเองนะจ๊ะ…
link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี , วิธีป้องกันการแพ้เครื่องสำอางค์
เครดิต siegsa
Tips … ป้องกันสิวเสี้ยน
Tips … ป้องกันสิวเสี้ยน
1. ล้างหน้าวันละสองครั้ง โดยเฉพาะเวลากลางคืนยิ่งต้องเน้นให้มาก เพื่อกำจัดความมันและเมคอัพให้หมดเกลี้ยงเกลาจริงๆ
2. ลอกหน้า มาส์กหน้าเป็นประจำ เพื่อกำจัดผิวภายนอกที่ตายแล้ว เพราะต่อให้คุณล้างหน้าดีแค่ไหนก็มักมีส่วนของผิวที่ตายแล้ว ที่การล้างหน้าธรรมดากำจัดออกได้ไม่หมด
3. อย่าเข้าใจผิดว่าสาวผิวมันไม่ต้องใช้ครีมบำรุง moisturizer ต่างๆ นะคะ เพียงแต่ให้เลือกใช้ balanced moisturizer จะไม่ทำให้เกิดสิว
4. เวลาไปเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ประทินผิว ต้องมองหาผลิตภัณฑ์ประเภท noncomedogenic หรือ nonacnegenic ซึ่งหมายความว่าเมื่อเราเอามาทาบนใบหน้าแล้ว จะไม่ให้อุดตันรูขุมขนจนเกิดการสั่งสมและเกิดสิวเสี้ยนในที่สุดไง
5. อย่าใช้นิ้วไปแตะหรือเอามือไปบีบสิวเสี้ยนตลอด เวลา ต่อให้มันจะนอนด์แค่ไหนก็ตาม เพราะน้ำมันจากมือคุณจะยิ่งไปเร่งให้แบคทีเรียบริเวณนั้นขยายวงกว้างออกไป จนอาการหนักยิ่งขึ้น ไปกระตุ้นให้เกิดการอักเสบและเพิ่มปริมาณสิวกันไปใหญ่ ที่สำคัญการล้วง แคะ แกะ เกานี้เป็นสาเหตุของการเกิดแผลเป็นตัวดีเลย
6. พยายามใช้เครื่องสำอางค์ประเภท water-based กันนะคะ มองหาผลิตภัณฑ์ที่มีเขียนไว้ข้างกล่องว่า oil-free
7. การใช้สเปรย์ฉีดผมและเจลจัดแต่งทรงผมก็เป็นสาเหตุที่ใครๆ อาจคิดไม่ถึง เพราะผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมต่างๆ มักมีส่วนประกอบของ oil อยู่ ซึ่งทำให้เกิดสิวเสี้ยนได้ ดังนั้น เวลาใช้ให้ระวัง อย่าให้สเปรย์หรือเจลมาโดนหน้า
8. อย่า ปล่อยให้ผิวหน้าต้องเผชิญกับแดดแรงๆ บ่อยๆ ต่อให้คุณใช้ครีมกันแดดป้องกันแล้วก็ตาม ถ้ารู้ตัวว่าต้องไปออกแดดก็พยายามกางร่มหรือหาหมวกปีกกว้างใส่สักหน่อย จะช่วยได้เยอะขึ้นอีกขั้น ถ้าผิวหน้าดีแล้วจะมีส่วนช่วยป้องกันสิวไปในตัวค่ะ เพราะแสงแดดเป็นตัวเพิ่มปริมาณผิวที่ตาย ทำให้มีการอุดตันของสิวมากขึ้นตามมา
ขอบคุณเนื้อหาดีดีจาก spicy
link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี , วิธีดูแลเมื่อเหงื่อท่วมรักแร้
เครดิต siegsa
1. ล้างหน้าวันละสองครั้ง โดยเฉพาะเวลากลางคืนยิ่งต้องเน้นให้มาก เพื่อกำจัดความมันและเมคอัพให้หมดเกลี้ยงเกลาจริงๆ
2. ลอกหน้า มาส์กหน้าเป็นประจำ เพื่อกำจัดผิวภายนอกที่ตายแล้ว เพราะต่อให้คุณล้างหน้าดีแค่ไหนก็มักมีส่วนของผิวที่ตายแล้ว ที่การล้างหน้าธรรมดากำจัดออกได้ไม่หมด
3. อย่าเข้าใจผิดว่าสาวผิวมันไม่ต้องใช้ครีมบำรุง moisturizer ต่างๆ นะคะ เพียงแต่ให้เลือกใช้ balanced moisturizer จะไม่ทำให้เกิดสิว
4. เวลาไปเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ประทินผิว ต้องมองหาผลิตภัณฑ์ประเภท noncomedogenic หรือ nonacnegenic ซึ่งหมายความว่าเมื่อเราเอามาทาบนใบหน้าแล้ว จะไม่ให้อุดตันรูขุมขนจนเกิดการสั่งสมและเกิดสิวเสี้ยนในที่สุดไง
5. อย่าใช้นิ้วไปแตะหรือเอามือไปบีบสิวเสี้ยนตลอด เวลา ต่อให้มันจะนอนด์แค่ไหนก็ตาม เพราะน้ำมันจากมือคุณจะยิ่งไปเร่งให้แบคทีเรียบริเวณนั้นขยายวงกว้างออกไป จนอาการหนักยิ่งขึ้น ไปกระตุ้นให้เกิดการอักเสบและเพิ่มปริมาณสิวกันไปใหญ่ ที่สำคัญการล้วง แคะ แกะ เกานี้เป็นสาเหตุของการเกิดแผลเป็นตัวดีเลย
6. พยายามใช้เครื่องสำอางค์ประเภท water-based กันนะคะ มองหาผลิตภัณฑ์ที่มีเขียนไว้ข้างกล่องว่า oil-free
7. การใช้สเปรย์ฉีดผมและเจลจัดแต่งทรงผมก็เป็นสาเหตุที่ใครๆ อาจคิดไม่ถึง เพราะผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมต่างๆ มักมีส่วนประกอบของ oil อยู่ ซึ่งทำให้เกิดสิวเสี้ยนได้ ดังนั้น เวลาใช้ให้ระวัง อย่าให้สเปรย์หรือเจลมาโดนหน้า
8. อย่า ปล่อยให้ผิวหน้าต้องเผชิญกับแดดแรงๆ บ่อยๆ ต่อให้คุณใช้ครีมกันแดดป้องกันแล้วก็ตาม ถ้ารู้ตัวว่าต้องไปออกแดดก็พยายามกางร่มหรือหาหมวกปีกกว้างใส่สักหน่อย จะช่วยได้เยอะขึ้นอีกขั้น ถ้าผิวหน้าดีแล้วจะมีส่วนช่วยป้องกันสิวไปในตัวค่ะ เพราะแสงแดดเป็นตัวเพิ่มปริมาณผิวที่ตาย ทำให้มีการอุดตันของสิวมากขึ้นตามมา
ขอบคุณเนื้อหาดีดีจาก spicy
link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี , วิธีดูแลเมื่อเหงื่อท่วมรักแร้
เครดิต siegsa
ดูแลผิวอย่างไร…ให้สวยสมวัยอยู่เสมอ
ดูแลผิวอย่างไร…ให้สวยสมวัยอยู่เสมอ
เมื่อเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น พญ.ดวงกมล เผยว่าปัญหาผิวที่พบบ่อย คือ ผิวมันและมีสิว ที่มีคำกล่าวว่า สิวเป็นเรื่องธรรมชาตินั้นมีส่วนถูก เนื่องจากการเกิดสิวนั้นมาจากการอุดตันในรูขุมขนจากการสร้างเคราติน (Keratin) ที่ผิดปกติ เกิดเป็นโคมิโดน (Comedone) และผลจากฮอร์โมนเพศชายที่เพิ่มขึ้นในวัยนี้ กระตุ้นการทำงานของต่อมไขมันให้ขยายขนาดและผลิตไขมัน (Sebum) ออกมา แบคทีเรียที่อยู่ในรูขุมขนก็เพิ่มจำนวนขึ้นมาย่อยไขมัน เกิดเป็นกรดไขมันที่ทำให้เกิดสิวอักเสบ ความรุนแรงของสิวในแต่ละคนไม่เท่ากันขึ้นกับกรรมพันธุ์และฮอร์โมนเพศชาย เพราะฉะนั้น จะเห็นว่าสิวไม่ได้เกิดจากความสกปรกแต่เพียงอย่างเดียว แต่มีปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย การล้างหน้าบ่อยๆ จึงไม่ได้เป็นการรักษาสิว ในทางตรงกันข้ามยิ่งล้างหน้าจะยิ่งทำให้มีการผลิตไขมันออกมาทดแทน ทำให้รูขุมขนอุดตันมากขึ้นด้วย ดังนั้น จึงควรล้างหน้าไม่เกิน 2 3 ครั้งต่อวันก็สะอาดเพียงพอแล้ว
สำหรับการรักษาสิวนั้น พญ.ดวงกมล กล่าวว่ามีทั้งการทายาและรับประทานยา ขึ้นกับความรุนแรง ถ้ามีแค่สิวอุดตัน ไม่อักเสบ สามารถใช้ยาทาได้ แต่ถ้าสิวอักเสบมาก ต้องรับประทานยาแก้อักเสบ ถ้ามีสิวอักเสบรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อลดโอกาสเกิดแผลเป็นจากสิว หลีกเลี่ยงการบีบหรือแกะสิว เพราะทำให้เกิดรอยหลุมสิว ซึ่งยากที่จะรักษาให้ผิวกลับมาเรียบดังเดิม
นอกจากนี้ยังมีวิธีการอื่นในการรักษารอยหลุมสิว คือ การขัดผิวด้วยเกล็ดอัญมณีหรือไม่โครพิล (Micropeel) โดยใช้หัวขัดพ่นเกล็ดอัญมณีลงมาที่ผิว จะมีแรงดูดเบาๆ ขณะเดียวกันเกล็ดอัญมณีที่พ่นออกมาจะขัดผิวชั้นตื้นๆ ออกไป ความรู้สึกในขณะทำการขัดจะคล้ายการใช้กระดาษทรายละเอียดถูเบาๆ ที่ผิวแต่ไม่ทำให้เกิดแผลจึงไม่ต้องพักฟื้นหลังทำไมโครพีลจึงสามารถแต่งหน้า และทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ
การทำไมโครฟิลนี้จะทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น และชั้นคอลลาเจน (Collagen) ใต้ผิวเพิ่มขึ้นจึงทำให้รอยหลุมสิวตื้นขึ้น ควรทำต่อเนื่องทุก 1 3 สัปดาห์ และจะเริ่มเห็นผลการรักษาประมาณ 5 ครั้งขึ้นไป ขึ้นกับความลึกของรอยหลุมสิว แต่ละครั้งใช้เวลาทำนาน 45 นาที 1 ชั่วโมง วิธีนี้นอกจากจะใช้ในการรักษารอยหลุมสิวแล้ว ยังเหมาะสำหรับผิวที่มีริ้วรอย ผิวมันรูขุมขนกว้าง รอยแตกลายที่หน้าท้อง ต้นขา และสะโพก
ส่วนการดูแลผิวสำหรับวัยทำงานพญ.ดวงกมล เผยว่า วัย นี้มีโอกาสใช้เครื่องสำอางมากขึ้น การดูแลทำความสะอาดผิวหลังแต่งหน้าจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะถ้าทำความสะอาดเครื่องสำอางไม่หมดอาจทำให้รูขุมขนอุดตันเป็นสิวได้ง่าย ควรใช้คลีนซิ่งโลชั่นเช็ดเครื่องสำอางออกก่อน แล้วจึงใช้โฟมหรือเจลล้างหน้าทำความสะอาด จะทำให้ล้างเครื่องสำอางได้หมดจด
ริ้วรอยรอบดวงตาและรอยหมองคล้ำใต้ตา อาจเกิดจากการอดนอน โรคภูมิแพ้ กรรมพันธุ์และการขยี้ตาบ่อยๆ ทำให้เกิดริ้วรอยเล็กๆ ใต้ตา เราสามารถป้องกันการเกิดริ้วรอยเหล่านี้ด้วยการพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ขยี้หรือถูเปลือกตาอย่างรุนแรง ทาครีมรอบดวงตาเพิ่มความชุ่มชื้น นอกจากนี้ การนวดโดยใช้คลื่นเสียงอัลตราโซนิก (Ultrasonic) จะช่วยให้สารเติมความชุ่มชื้นเช่น Hyaluronate ซึมสู่ผิวได้ดีขึ้น โดยสามารถทำได้สัปดาห์ละครั้ง วิธีนี้ไม่ทำให้ผิวระคายเคือง หลังทำเสร็จแล้วก็สามารถดูแลผิวได้ตามปกติ
ข้อมูลและภาพโดย โรงพยาบาลเวชธานี
ที่มาจาก ไทยรัฐ
link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี , เทคนิคช่วยให้ผอมเพรียวใน 2 สัปดาห์
เครดิต pupylovekoreashop
เมื่อเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น พญ.ดวงกมล เผยว่าปัญหาผิวที่พบบ่อย คือ ผิวมันและมีสิว ที่มีคำกล่าวว่า สิวเป็นเรื่องธรรมชาตินั้นมีส่วนถูก เนื่องจากการเกิดสิวนั้นมาจากการอุดตันในรูขุมขนจากการสร้างเคราติน (Keratin) ที่ผิดปกติ เกิดเป็นโคมิโดน (Comedone) และผลจากฮอร์โมนเพศชายที่เพิ่มขึ้นในวัยนี้ กระตุ้นการทำงานของต่อมไขมันให้ขยายขนาดและผลิตไขมัน (Sebum) ออกมา แบคทีเรียที่อยู่ในรูขุมขนก็เพิ่มจำนวนขึ้นมาย่อยไขมัน เกิดเป็นกรดไขมันที่ทำให้เกิดสิวอักเสบ ความรุนแรงของสิวในแต่ละคนไม่เท่ากันขึ้นกับกรรมพันธุ์และฮอร์โมนเพศชาย เพราะฉะนั้น จะเห็นว่าสิวไม่ได้เกิดจากความสกปรกแต่เพียงอย่างเดียว แต่มีปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย การล้างหน้าบ่อยๆ จึงไม่ได้เป็นการรักษาสิว ในทางตรงกันข้ามยิ่งล้างหน้าจะยิ่งทำให้มีการผลิตไขมันออกมาทดแทน ทำให้รูขุมขนอุดตันมากขึ้นด้วย ดังนั้น จึงควรล้างหน้าไม่เกิน 2 3 ครั้งต่อวันก็สะอาดเพียงพอแล้ว
สำหรับการรักษาสิวนั้น พญ.ดวงกมล กล่าวว่ามีทั้งการทายาและรับประทานยา ขึ้นกับความรุนแรง ถ้ามีแค่สิวอุดตัน ไม่อักเสบ สามารถใช้ยาทาได้ แต่ถ้าสิวอักเสบมาก ต้องรับประทานยาแก้อักเสบ ถ้ามีสิวอักเสบรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อลดโอกาสเกิดแผลเป็นจากสิว หลีกเลี่ยงการบีบหรือแกะสิว เพราะทำให้เกิดรอยหลุมสิว ซึ่งยากที่จะรักษาให้ผิวกลับมาเรียบดังเดิม
นอกจากนี้ยังมีวิธีการอื่นในการรักษารอยหลุมสิว คือ การขัดผิวด้วยเกล็ดอัญมณีหรือไม่โครพิล (Micropeel) โดยใช้หัวขัดพ่นเกล็ดอัญมณีลงมาที่ผิว จะมีแรงดูดเบาๆ ขณะเดียวกันเกล็ดอัญมณีที่พ่นออกมาจะขัดผิวชั้นตื้นๆ ออกไป ความรู้สึกในขณะทำการขัดจะคล้ายการใช้กระดาษทรายละเอียดถูเบาๆ ที่ผิวแต่ไม่ทำให้เกิดแผลจึงไม่ต้องพักฟื้นหลังทำไมโครพีลจึงสามารถแต่งหน้า และทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ
การทำไมโครฟิลนี้จะทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น และชั้นคอลลาเจน (Collagen) ใต้ผิวเพิ่มขึ้นจึงทำให้รอยหลุมสิวตื้นขึ้น ควรทำต่อเนื่องทุก 1 3 สัปดาห์ และจะเริ่มเห็นผลการรักษาประมาณ 5 ครั้งขึ้นไป ขึ้นกับความลึกของรอยหลุมสิว แต่ละครั้งใช้เวลาทำนาน 45 นาที 1 ชั่วโมง วิธีนี้นอกจากจะใช้ในการรักษารอยหลุมสิวแล้ว ยังเหมาะสำหรับผิวที่มีริ้วรอย ผิวมันรูขุมขนกว้าง รอยแตกลายที่หน้าท้อง ต้นขา และสะโพก
ส่วนการดูแลผิวสำหรับวัยทำงานพญ.ดวงกมล เผยว่า วัย นี้มีโอกาสใช้เครื่องสำอางมากขึ้น การดูแลทำความสะอาดผิวหลังแต่งหน้าจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะถ้าทำความสะอาดเครื่องสำอางไม่หมดอาจทำให้รูขุมขนอุดตันเป็นสิวได้ง่าย ควรใช้คลีนซิ่งโลชั่นเช็ดเครื่องสำอางออกก่อน แล้วจึงใช้โฟมหรือเจลล้างหน้าทำความสะอาด จะทำให้ล้างเครื่องสำอางได้หมดจด
ริ้วรอยรอบดวงตาและรอยหมองคล้ำใต้ตา อาจเกิดจากการอดนอน โรคภูมิแพ้ กรรมพันธุ์และการขยี้ตาบ่อยๆ ทำให้เกิดริ้วรอยเล็กๆ ใต้ตา เราสามารถป้องกันการเกิดริ้วรอยเหล่านี้ด้วยการพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ขยี้หรือถูเปลือกตาอย่างรุนแรง ทาครีมรอบดวงตาเพิ่มความชุ่มชื้น นอกจากนี้ การนวดโดยใช้คลื่นเสียงอัลตราโซนิก (Ultrasonic) จะช่วยให้สารเติมความชุ่มชื้นเช่น Hyaluronate ซึมสู่ผิวได้ดีขึ้น โดยสามารถทำได้สัปดาห์ละครั้ง วิธีนี้ไม่ทำให้ผิวระคายเคือง หลังทำเสร็จแล้วก็สามารถดูแลผิวได้ตามปกติ
ข้อมูลและภาพโดย โรงพยาบาลเวชธานี
ที่มาจาก ไทยรัฐ
link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี , เทคนิคช่วยให้ผอมเพรียวใน 2 สัปดาห์
เครดิต pupylovekoreashop
พอกันที พุงป่อง ๆ
พอกันที พุงป่อง ๆ
เคยเป็นบ้างไหมว่า แม้เราจะลดน้ำหนักสักแค่ไหน หน้าท้องของเราก็ยังป่องไม่เรียบตึงเช้งกะเด๊ะซะที คุณ ควรรู้ไว้ว่าสาเหตุของพุงป่องไม่ใช่จากการรับประทานเพียงอย่างเดียว และคนพุงป่องก็ไม่ได้แปลว่าอ้วนด้วย แต่อาจเป็นเพียงอาการบวมน้ำเท่านั้น ลองเรียนรู้สักนิดเพื่อหาทางกำจัดพุงป่องๆ แบบถาวรกันดีกว่า
1. การแพ้อาหาร
บาง ครั้งอาการท้องบวมอาจเกิดจากอาการระคายเคืองหรือการติดเชื้อของระบบย่อย อาหารในช่องท้อง หรืออาจรวมถึงการรับประทานยาบางชนิดที่ทำให้บวมน้ำและยังรวมไปถึงการมีรอบ เดือนด้วย แต่ถ้าคุณรู้สึกว่าหน้าท้องของคุณบวมขึ้นผิดปกติหลังทานอาหารบางชนิด ให้สันนิษฐานได้ว่าคุณน่าจะมีอาการแพ้อาหารเข้าให้แล้ว จากสถิติพบว่าอาหารจำพวกแป้งและนมมีโอกาสทำให้เกิดอาการแพ้และบวมมากที่สุด
2.อาหารลดน้ำหนัก
คน ที่ชอบหวังพึ่งอาหารลดน้ำหนักจำพวกโลว์-แฟ้ต หรือแฟ้ต-ฟรีมักจะมีปัญหาพุงป่อง เนื่องจากคุณจะคิดว่ามันเป็นอาหารแคลอรี่ต่ำ จึงสามารถกินมากกว่าปกติ อาหารพวกนี้อาจมีพลังงานน้อยกว่าปกติ แต่มันก็ไม่ได้น้อยขนาดนั้น ทางที่ดีหันมารับประทานผักผลไม้ให้มากขึ้นจะดีกว่า รวมทั้งรับประทานอาหารที่มีเอนไซม์ช่วยย่อย อาทิ น้ำมะนาว น้ำส้มสายชูสกัดจากแอ๊ปเปิ้ล หรือผักสดต่างๆ
3.กินช้าๆ แต่บ่อยๆ
เลิก นิสัยรีบกินรีบไปซะที ค่อยๆ เคี้ยวอาหารช้า ๆ เพื่อให้ประสาทรับรู้ของเราค่อยๆ รู้สึกอิ่ม และในแต่ละมื้ออย่ากินให้เยอะจนอิ่มแน่นท้อง คุณควรแบ่งมื้ออาหารออกเป็นมื้อย่อย ๆ แต่อย่ากินขนมจุบจิบจำพวกขนมนมเนยต่าง ๆ เลือกกินผลไม้หรือธัญพืช เมื่อหิวระหว่างมื้อจะดีกว่า
4.ขจัดสารพิษ
แอลกอฮอล์ คาเฟอีน และนิโคตินในบุหรี่มีผลร้ายต่อระบบเผาผลาญอาหารของร่างกาย ส่งผลให้ร่างกายบวมน้ำและยังก่อให้เกิดเซลลูไลท์อีกด้วย ดังนั้นเมื่อรู้เหตุดังนี้แล้วก็แค่ลดละเลิกการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และคาเฟอีนต่าง ๆ และเลิกสูบบุหรี่ไปซะด้วยเลยในเวลาเดียวกัน
5.หัดกินสักนิด
ใน กระเพาะของเราจะมีแบคทีเรียอาศัยอยู่เพื่อช่วยในการย่อยอาหาร แต่บางครั้งแบคทีเรียเหล่านี้ก็อาจถูกกำจัดไปจากสภาวะต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเจ็บป่วยหรือการรับประทานอาหารบางชนิด แนะนำให้คุณรับประทานโยเกิร์ตรสธรรมชาติเป็นประจำเพื่อปรับสมดุลแบคทีเรีย กลุ่มที่เป็นประโยชน์ จะช่วยทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้นและช่วยให้หน้าท้องของคุณบวมน้อยลง ด้วย
6.ดื่มน้ำให้มาก
น้ำเป็นเสมือนขุมทรัพย์แห่งความงามจริงๆ รวมไปถึงอาการบวมน้ำนี้ด้วยคุณควรดื่มน้ำให้ได้อย่างต่ำ 8 แก้ว ต่อวัน แต่วิธีการดื่มนั้นอย่าดื่มหมดแก้วในคราวเดียวควรจิบน้ำบ่อยๆ เรื่อยๆ เพราะการที่คุณดื่มน้ำแก้วใหญ่ในคราวเดียว จะทำให้กระเพาะปัสสาวะของคุณขยายใหญ่ ถ้าจะให้ดีลองเลือกดื่มขาสมุนไพร อาทิ ชาเป็ปเปอร์มินต์ หรือชาคาโมไมล์แทนน้ำเปล่า โดยเฉพาะการดื่มในช่วงหลังอาหาร จะช่วยให้อาหารที่คุณรับประทานเข้าไป ย่อยได้ดีขึ้นด้วย
7. บริหารกล้ามเนื้อหัวใจ
ผู้หญิง หลายคนเชื่อว่าการซิตอัพทุกวันจะช่วยให้หน้าท้องแบนเรียบแต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่เลย แม้ว่าการซิตอัพจะช่วยสร้างกล้ามท้อง แต่ถ้าร่างกายของคุณนั้นยังปกคลุมด้วยชั้นไขมันแล้วล่ะก็ หน้าท้องเรียบตึงก็จะไม่มีวันโผล่มาให้เห็นหรอก ดังนั้นจึงจำเป็นที่คุณจะต้องออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอเป็นประจำอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน อย่างต่ำ 3 วันต่อสัปดาห์เพื่อให้ร่างกายได้เผาผลาญไขมันออกไป ผนวกกับการซิตอัพ คราวนี้แหละสวยตึงแน่นอน
8. หายใจลึกๆ
เมื่อ คุณหายใจเข้าออกแบบลึกๆ จะช่วยให้ร่างกายจะคลายความตึงเครียดออกมา รวมทั้งยังช่วยในการเติมอ็อกชิเจนและพลังชีวิตให้ร่างกายด้วย ทุกครั้งที่คุณหายใจให้พยายามหายใจให้ลึกเข้าไปยังท้อง อย่าหยุดเพียงแค่เก็บลมไว้ในช่องอกการหายใจเข้าออกจากท้องเป็นนิสัยจะช่วย กระชับให้กล้ามเนื้อหน้าท้องแข็งแรงมากยิ่งขึ้น
9. นวดกระชับหน้าท้อง
ไม่ เชื่อก็ต้องเชื่อว่าการนวดช่วยได้ จริงๆ เนื่องจากการนวดท้องนั้น ช่วยไล่ลมที่กักเก็บไว้ในช่องท้องได้ และช่วยทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้นด้วย ณ วิธีการนวดก็ไม่ยาก เพียงวางฝ่ามือลงบนท้องแล้วนวดวนตามเข็มนาฬิกา ถ้าอยากเห็นผลลัพธ์เร็วขึ้น คุณอาจใช้ครีมจำพวกกระชับกล้ามเนื้อหน้าท้องร่วมด้วยก็ได้
ที่มา… Hair Magazine
link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี , 5 วิธีสวย แต่ เสี่ยงมะเร็ง
เครดิต pupylovekorea
เคยเป็นบ้างไหมว่า แม้เราจะลดน้ำหนักสักแค่ไหน หน้าท้องของเราก็ยังป่องไม่เรียบตึงเช้งกะเด๊ะซะที คุณ ควรรู้ไว้ว่าสาเหตุของพุงป่องไม่ใช่จากการรับประทานเพียงอย่างเดียว และคนพุงป่องก็ไม่ได้แปลว่าอ้วนด้วย แต่อาจเป็นเพียงอาการบวมน้ำเท่านั้น ลองเรียนรู้สักนิดเพื่อหาทางกำจัดพุงป่องๆ แบบถาวรกันดีกว่า
1. การแพ้อาหาร
บาง ครั้งอาการท้องบวมอาจเกิดจากอาการระคายเคืองหรือการติดเชื้อของระบบย่อย อาหารในช่องท้อง หรืออาจรวมถึงการรับประทานยาบางชนิดที่ทำให้บวมน้ำและยังรวมไปถึงการมีรอบ เดือนด้วย แต่ถ้าคุณรู้สึกว่าหน้าท้องของคุณบวมขึ้นผิดปกติหลังทานอาหารบางชนิด ให้สันนิษฐานได้ว่าคุณน่าจะมีอาการแพ้อาหารเข้าให้แล้ว จากสถิติพบว่าอาหารจำพวกแป้งและนมมีโอกาสทำให้เกิดอาการแพ้และบวมมากที่สุด
2.อาหารลดน้ำหนัก
คน ที่ชอบหวังพึ่งอาหารลดน้ำหนักจำพวกโลว์-แฟ้ต หรือแฟ้ต-ฟรีมักจะมีปัญหาพุงป่อง เนื่องจากคุณจะคิดว่ามันเป็นอาหารแคลอรี่ต่ำ จึงสามารถกินมากกว่าปกติ อาหารพวกนี้อาจมีพลังงานน้อยกว่าปกติ แต่มันก็ไม่ได้น้อยขนาดนั้น ทางที่ดีหันมารับประทานผักผลไม้ให้มากขึ้นจะดีกว่า รวมทั้งรับประทานอาหารที่มีเอนไซม์ช่วยย่อย อาทิ น้ำมะนาว น้ำส้มสายชูสกัดจากแอ๊ปเปิ้ล หรือผักสดต่างๆ
3.กินช้าๆ แต่บ่อยๆ
เลิก นิสัยรีบกินรีบไปซะที ค่อยๆ เคี้ยวอาหารช้า ๆ เพื่อให้ประสาทรับรู้ของเราค่อยๆ รู้สึกอิ่ม และในแต่ละมื้ออย่ากินให้เยอะจนอิ่มแน่นท้อง คุณควรแบ่งมื้ออาหารออกเป็นมื้อย่อย ๆ แต่อย่ากินขนมจุบจิบจำพวกขนมนมเนยต่าง ๆ เลือกกินผลไม้หรือธัญพืช เมื่อหิวระหว่างมื้อจะดีกว่า
4.ขจัดสารพิษ
แอลกอฮอล์ คาเฟอีน และนิโคตินในบุหรี่มีผลร้ายต่อระบบเผาผลาญอาหารของร่างกาย ส่งผลให้ร่างกายบวมน้ำและยังก่อให้เกิดเซลลูไลท์อีกด้วย ดังนั้นเมื่อรู้เหตุดังนี้แล้วก็แค่ลดละเลิกการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และคาเฟอีนต่าง ๆ และเลิกสูบบุหรี่ไปซะด้วยเลยในเวลาเดียวกัน
5.หัดกินสักนิด
ใน กระเพาะของเราจะมีแบคทีเรียอาศัยอยู่เพื่อช่วยในการย่อยอาหาร แต่บางครั้งแบคทีเรียเหล่านี้ก็อาจถูกกำจัดไปจากสภาวะต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเจ็บป่วยหรือการรับประทานอาหารบางชนิด แนะนำให้คุณรับประทานโยเกิร์ตรสธรรมชาติเป็นประจำเพื่อปรับสมดุลแบคทีเรีย กลุ่มที่เป็นประโยชน์ จะช่วยทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้นและช่วยให้หน้าท้องของคุณบวมน้อยลง ด้วย
6.ดื่มน้ำให้มาก
น้ำเป็นเสมือนขุมทรัพย์แห่งความงามจริงๆ รวมไปถึงอาการบวมน้ำนี้ด้วยคุณควรดื่มน้ำให้ได้อย่างต่ำ 8 แก้ว ต่อวัน แต่วิธีการดื่มนั้นอย่าดื่มหมดแก้วในคราวเดียวควรจิบน้ำบ่อยๆ เรื่อยๆ เพราะการที่คุณดื่มน้ำแก้วใหญ่ในคราวเดียว จะทำให้กระเพาะปัสสาวะของคุณขยายใหญ่ ถ้าจะให้ดีลองเลือกดื่มขาสมุนไพร อาทิ ชาเป็ปเปอร์มินต์ หรือชาคาโมไมล์แทนน้ำเปล่า โดยเฉพาะการดื่มในช่วงหลังอาหาร จะช่วยให้อาหารที่คุณรับประทานเข้าไป ย่อยได้ดีขึ้นด้วย
7. บริหารกล้ามเนื้อหัวใจ
ผู้หญิง หลายคนเชื่อว่าการซิตอัพทุกวันจะช่วยให้หน้าท้องแบนเรียบแต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่เลย แม้ว่าการซิตอัพจะช่วยสร้างกล้ามท้อง แต่ถ้าร่างกายของคุณนั้นยังปกคลุมด้วยชั้นไขมันแล้วล่ะก็ หน้าท้องเรียบตึงก็จะไม่มีวันโผล่มาให้เห็นหรอก ดังนั้นจึงจำเป็นที่คุณจะต้องออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอเป็นประจำอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน อย่างต่ำ 3 วันต่อสัปดาห์เพื่อให้ร่างกายได้เผาผลาญไขมันออกไป ผนวกกับการซิตอัพ คราวนี้แหละสวยตึงแน่นอน
8. หายใจลึกๆ
เมื่อ คุณหายใจเข้าออกแบบลึกๆ จะช่วยให้ร่างกายจะคลายความตึงเครียดออกมา รวมทั้งยังช่วยในการเติมอ็อกชิเจนและพลังชีวิตให้ร่างกายด้วย ทุกครั้งที่คุณหายใจให้พยายามหายใจให้ลึกเข้าไปยังท้อง อย่าหยุดเพียงแค่เก็บลมไว้ในช่องอกการหายใจเข้าออกจากท้องเป็นนิสัยจะช่วย กระชับให้กล้ามเนื้อหน้าท้องแข็งแรงมากยิ่งขึ้น
9. นวดกระชับหน้าท้อง
ไม่ เชื่อก็ต้องเชื่อว่าการนวดช่วยได้ จริงๆ เนื่องจากการนวดท้องนั้น ช่วยไล่ลมที่กักเก็บไว้ในช่องท้องได้ และช่วยทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้นด้วย ณ วิธีการนวดก็ไม่ยาก เพียงวางฝ่ามือลงบนท้องแล้วนวดวนตามเข็มนาฬิกา ถ้าอยากเห็นผลลัพธ์เร็วขึ้น คุณอาจใช้ครีมจำพวกกระชับกล้ามเนื้อหน้าท้องร่วมด้วยก็ได้
ที่มา… Hair Magazine
link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี , 5 วิธีสวย แต่ เสี่ยงมะเร็ง
เครดิต pupylovekorea
กันคิ้วสวย เพิ่มจุดเด่นบนใบหน้า
กันคิ้วสวย เพิ่มจุดเด่นบนใบหน้า
คิ้ว ช่วยให้ใบหน้าสวยโดดเด่นได้ไม่แพ้จุดอื่นบนใบหน้า แต่ทว่าการมีคิ้วที่เป็นเส้นสวยนั้น สาวๆ อาจกำลังหาวิธีกันอยู่
สาวๆ หลายคนมีดวงตาสวยซึ้งแต่กลับปล่อยให้ขนคิ้วรกรุงรังมาบดบังความงามไว้ ขณะที่บางคนผจญกับปัญหาหน้าโล้นเพราะขนคิ้วบางจัด แต่หากคุณได้อ่านเทคนิคการแต่งคิ้วง่ายๆ จาก ริค ดิเกกกา Estee Lauder Global Premier Make up Artist ที่ How To นำมาฝากในบรรทัดถัดจากนี้ไป รับรองว่าคุณจะมีคิ้วสวย ครบสูตร แน่นอน (คอนเฟิร์ม)
วัดหาเส้นคิ้วที่เหมาะสม
สำหรับการแต่งคิ้วนั้น สิ่งสำคัญอันดับแรกเริ่มจากการวัดหาเส้นคิ้วที่เหมาะสม ซึ่งคิ้วที่ได้รูปสวยนั้นหัวคิ้วควรจะตรงกับแนวหัวตาแล้วจึงเป็นแนวโค้งขึ้น โดยจุดสูงสุดของคิ้วที่โค้งขึ้นจะอยู่ตรงกับแนวของขอบตาดำด้านนอก ส่วนหางคิ้วจะไปสิ้นสุดตรงแนวเส้นที่ลากจากปีกจมูกผ่านหางตาออกไป และจะต้องไม่อยู่ต่ำกว่าหัวคิ้ว
TIPS
สาวใบหน้ากว้าง มักจะมีเครื่องหน้าที่ค่อนข้างใหญ่ จึงควรปรับหัวคิ้วให้รับกับสันจมูกโดยไม่ควรให้รูปคิ้วหนามากและตรงมากเกิน ไป เพราะจะทำให้เส้นคิ้วยิ่งดูสั้นลง
สาวใบหน้ายาว ต้องแต่งรูปคิ้วให้ค่อนข้างหนาและไม่โค้งจนเกินไป เพราะจะยิ่งทำให้ใบหน้าดูยาวมากขึ้น
กันคิ้วให้ได้รูป
สำหรับสาวไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีเบ้าตาแต่มักจะมีพื้นที่คิ้วเป็นปื้น ยิ่งขนคิ้วลามรกลงมาก็จะยิ่งทำให้พื้นที่บริเวณนี้แคบลงไปอีก แต่ถ้าได้กันคิ้วแล้วจะทำให้กระบอกตาดูกว้างขึ้นและใบหน้าดูสว่างสดใสยิ่ง กว่าเดิม โดยมีขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้
– ก่อนกันคิ้วให้ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นแตะเบาๆ เพื่อให้ขนคิ้วเกิดความชุ่มชื้น อ่อนตัว และเจ็บน้อยลง
– ควรนั่งตัวตรงมองเข้าหากระจกในระดับสายตา
– ใช้นิ้วแตะคิ้วดึงขึ้นในแนวดิ่งเพื่อให้เนื้อบริเวณคิ้วตึง อ้าปากเพื่อให้โหนกแก้มลดระดับต่ำลงเล็กน้อย
– ใช้มีดโกนที่มีความคมและด้ามจับถนัดมือกันย้อนแนวเส้นขน คือจากหางคิ้วเข้ามาทางหัวคิ้ว เพราะหากกันตามแนวเส้นขนอาจจะหลงเหลือส่วนตอของเส้นขนคิ้วให้มองเห็นได้ โดยค่อยๆ กันทีละน้อยหรือทีละเส้นจนคิ้วสวยงามได้รูป
– หากไม่แน่ใจแนวสวย ก่อนลงมืออาจใช้ดินสอเขียนคิ้ววาดเส้นโค้งเป็นแนวคิ้วที่ได้รูปสวยงามไว้ ก่อน แล้วค่อยใช้มีดโกนกันเส้นขนคิ้วที่เกินแนวดินสอนั้นออกไป
เขียนคิ้วอย่างมีเทคนิค
- หลีกเลี่ยงการเขียนคิ้วตั้งแต่หัวคิ้ว เพราะจะทำให้คิ้วดูแข็งไม่เป็นธรรมชาติคล้ายกับการเขียนคิ้วถาวร โดยเริ่มจากการเขียนด้วยดินสอเบาๆ บนเส้นคิ้วห่างจากหัวคิ้วประมาณ 1 เซนติเมตร แล้วไล้ไปตามเส้นขนคิ้ว ระวังอย่ากดดินสอจนถึงผิวหนัง จากนั้นใช้แปรงเขียนคิ้วเกลี่ยตามแนวเดิม
– ใช้อายแชโดว์สีน้ำตาลเกลี่ยทับอีกครั้งเพื่อให้เส้นขนดูนุ่มนวลขึ้น และฝุ่นของอายแชโดว์จะช่วยทำให้หางคิ้วไม่หายไปในระหว่างวัน
– ใช้แปรงเขียนคิ้วเท่าที่มีสีติดอยู่ ไม่ต้องจุ่มสีใหม่ เกลี่ยย้อนมาทางหัวคิ้วให้เบลอหายมาทางสันจมูก
– วัดความยาวของหางคิ้ว โดยใช้พู่กันทาบจากปลายจมูกมาทางหางตา วาดหางคิ้วมาจบตรงนั้นจะเป็นสัดส่วนคิ้วที่สวยงาม
สีคิ้วเนียนเป็นธรรมชาติ
หากสาวๆ คนไหนอยากให้หน้าดูเด็กลงมีเทคนิคง่ายๆ โดยเลือกใช้อายโบรว์สีอ่อน ส่วนสีคิ้วเข้มจะทำให้ใบหน้าแลดูสุขภาพดี สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงคือการใช้ดินสอเขียนคิ้วสีดำเพราะจะทำให้หน้าดุและดู สูงอายุแถมบางครั้งยังดูหลอกตาด้วย
อย่างไรก็ดี การเลือกสีคิ้วให้คำนึงถึงสีผมด้วย สีที่ธรรมชาติที่สุดคือการดึงสีผมในส่วนที่เข้มที่สุดมาใช้เป็นสีคิ้ว เช่น ผมสีน้ำตาลเข้มไฮไลต์สีบลอนด์ให้จับสีน้ำตาลเข้มมาปรับเป็นสีคิ้วได้ แต่ต้องดูความเหมาะสมกับคิ้วเดิมด้วย เพื่อไม่ให้ขัดกับความเคยชิน
TIPS
สีคิ้วที่สวยเสมอสำหรับคนไทยคือสีน้ำตาล เพราะเป็นสีที่ทำให้ดูสดใสและใบหน้าอ่อนเยาว์เสมอ แนะนำให้ใช้มาสคาราสีน้ำตาลปัดขนคิ้ว เพราะนอกจากจะได้สีสวยแล้วยังเป็นการจัดทรงคิ้วไปในตัวด้วย
เทคนิคการปรับสีคิ้วทำได้ 2 วิธี คือ เขียนลงไปบนผิวหนังใต้คิ้วเหมาะกับการทำให้สีคิ้วเข้มขึ้นหรือการเติมคิ้ว ให้เต็ม แต่หากต้องการลดความเข้มของคิ้วให้ใช้อายโบรว์สีน้ำตาลอ่อนแทน
เลือกผลิตภัณฑ์แต่งคิ้ว
– แบบดินสอ จะเขียนถนัดมือ ปลายที่แหลมทำให้เขียนหางคิ้วได้คมชัด เหมาะสำหรับสาวคิ้วบาง
– แบบเนื้อฝุ่น จะช่วยเติมคิ้วให้ดูเป็นธรรมชาติและดกหนาขึ้น แถมยังช่วยเติมช่องว่างระหว่างคิ้วได้ด้วย
– แบบเนื้อเจล จะช่วยให้ขนคิ้วเรียงตัวสวยได้ตลอดวัน
รู้เทคนิคดีๆแบบนี้แล้ว ก็อย่าลืมไปลองหัดเขียนคิ้ว แต่งคิ้วกันนะคะ สาวๆ
ที่มาจาก โพสต์ทูเดย์
link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี , วิธีรักษาปากแห้งแตกเป็นขุย
เครดิต pupylovekoreashop
คิ้ว ช่วยให้ใบหน้าสวยโดดเด่นได้ไม่แพ้จุดอื่นบนใบหน้า แต่ทว่าการมีคิ้วที่เป็นเส้นสวยนั้น สาวๆ อาจกำลังหาวิธีกันอยู่
สาวๆ หลายคนมีดวงตาสวยซึ้งแต่กลับปล่อยให้ขนคิ้วรกรุงรังมาบดบังความงามไว้ ขณะที่บางคนผจญกับปัญหาหน้าโล้นเพราะขนคิ้วบางจัด แต่หากคุณได้อ่านเทคนิคการแต่งคิ้วง่ายๆ จาก ริค ดิเกกกา Estee Lauder Global Premier Make up Artist ที่ How To นำมาฝากในบรรทัดถัดจากนี้ไป รับรองว่าคุณจะมีคิ้วสวย ครบสูตร แน่นอน (คอนเฟิร์ม)
วัดหาเส้นคิ้วที่เหมาะสม
สำหรับการแต่งคิ้วนั้น สิ่งสำคัญอันดับแรกเริ่มจากการวัดหาเส้นคิ้วที่เหมาะสม ซึ่งคิ้วที่ได้รูปสวยนั้นหัวคิ้วควรจะตรงกับแนวหัวตาแล้วจึงเป็นแนวโค้งขึ้น โดยจุดสูงสุดของคิ้วที่โค้งขึ้นจะอยู่ตรงกับแนวของขอบตาดำด้านนอก ส่วนหางคิ้วจะไปสิ้นสุดตรงแนวเส้นที่ลากจากปีกจมูกผ่านหางตาออกไป และจะต้องไม่อยู่ต่ำกว่าหัวคิ้ว
TIPS
สาวใบหน้ากว้าง มักจะมีเครื่องหน้าที่ค่อนข้างใหญ่ จึงควรปรับหัวคิ้วให้รับกับสันจมูกโดยไม่ควรให้รูปคิ้วหนามากและตรงมากเกิน ไป เพราะจะทำให้เส้นคิ้วยิ่งดูสั้นลง
สาวใบหน้ายาว ต้องแต่งรูปคิ้วให้ค่อนข้างหนาและไม่โค้งจนเกินไป เพราะจะยิ่งทำให้ใบหน้าดูยาวมากขึ้น
กันคิ้วให้ได้รูป
สำหรับสาวไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีเบ้าตาแต่มักจะมีพื้นที่คิ้วเป็นปื้น ยิ่งขนคิ้วลามรกลงมาก็จะยิ่งทำให้พื้นที่บริเวณนี้แคบลงไปอีก แต่ถ้าได้กันคิ้วแล้วจะทำให้กระบอกตาดูกว้างขึ้นและใบหน้าดูสว่างสดใสยิ่ง กว่าเดิม โดยมีขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้
– ก่อนกันคิ้วให้ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นแตะเบาๆ เพื่อให้ขนคิ้วเกิดความชุ่มชื้น อ่อนตัว และเจ็บน้อยลง
– ควรนั่งตัวตรงมองเข้าหากระจกในระดับสายตา
– ใช้นิ้วแตะคิ้วดึงขึ้นในแนวดิ่งเพื่อให้เนื้อบริเวณคิ้วตึง อ้าปากเพื่อให้โหนกแก้มลดระดับต่ำลงเล็กน้อย
– ใช้มีดโกนที่มีความคมและด้ามจับถนัดมือกันย้อนแนวเส้นขน คือจากหางคิ้วเข้ามาทางหัวคิ้ว เพราะหากกันตามแนวเส้นขนอาจจะหลงเหลือส่วนตอของเส้นขนคิ้วให้มองเห็นได้ โดยค่อยๆ กันทีละน้อยหรือทีละเส้นจนคิ้วสวยงามได้รูป
– หากไม่แน่ใจแนวสวย ก่อนลงมืออาจใช้ดินสอเขียนคิ้ววาดเส้นโค้งเป็นแนวคิ้วที่ได้รูปสวยงามไว้ ก่อน แล้วค่อยใช้มีดโกนกันเส้นขนคิ้วที่เกินแนวดินสอนั้นออกไป
เขียนคิ้วอย่างมีเทคนิค
- หลีกเลี่ยงการเขียนคิ้วตั้งแต่หัวคิ้ว เพราะจะทำให้คิ้วดูแข็งไม่เป็นธรรมชาติคล้ายกับการเขียนคิ้วถาวร โดยเริ่มจากการเขียนด้วยดินสอเบาๆ บนเส้นคิ้วห่างจากหัวคิ้วประมาณ 1 เซนติเมตร แล้วไล้ไปตามเส้นขนคิ้ว ระวังอย่ากดดินสอจนถึงผิวหนัง จากนั้นใช้แปรงเขียนคิ้วเกลี่ยตามแนวเดิม
– ใช้อายแชโดว์สีน้ำตาลเกลี่ยทับอีกครั้งเพื่อให้เส้นขนดูนุ่มนวลขึ้น และฝุ่นของอายแชโดว์จะช่วยทำให้หางคิ้วไม่หายไปในระหว่างวัน
– ใช้แปรงเขียนคิ้วเท่าที่มีสีติดอยู่ ไม่ต้องจุ่มสีใหม่ เกลี่ยย้อนมาทางหัวคิ้วให้เบลอหายมาทางสันจมูก
– วัดความยาวของหางคิ้ว โดยใช้พู่กันทาบจากปลายจมูกมาทางหางตา วาดหางคิ้วมาจบตรงนั้นจะเป็นสัดส่วนคิ้วที่สวยงาม
สีคิ้วเนียนเป็นธรรมชาติ
หากสาวๆ คนไหนอยากให้หน้าดูเด็กลงมีเทคนิคง่ายๆ โดยเลือกใช้อายโบรว์สีอ่อน ส่วนสีคิ้วเข้มจะทำให้ใบหน้าแลดูสุขภาพดี สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงคือการใช้ดินสอเขียนคิ้วสีดำเพราะจะทำให้หน้าดุและดู สูงอายุแถมบางครั้งยังดูหลอกตาด้วย
อย่างไรก็ดี การเลือกสีคิ้วให้คำนึงถึงสีผมด้วย สีที่ธรรมชาติที่สุดคือการดึงสีผมในส่วนที่เข้มที่สุดมาใช้เป็นสีคิ้ว เช่น ผมสีน้ำตาลเข้มไฮไลต์สีบลอนด์ให้จับสีน้ำตาลเข้มมาปรับเป็นสีคิ้วได้ แต่ต้องดูความเหมาะสมกับคิ้วเดิมด้วย เพื่อไม่ให้ขัดกับความเคยชิน
TIPS
สีคิ้วที่สวยเสมอสำหรับคนไทยคือสีน้ำตาล เพราะเป็นสีที่ทำให้ดูสดใสและใบหน้าอ่อนเยาว์เสมอ แนะนำให้ใช้มาสคาราสีน้ำตาลปัดขนคิ้ว เพราะนอกจากจะได้สีสวยแล้วยังเป็นการจัดทรงคิ้วไปในตัวด้วย
เทคนิคการปรับสีคิ้วทำได้ 2 วิธี คือ เขียนลงไปบนผิวหนังใต้คิ้วเหมาะกับการทำให้สีคิ้วเข้มขึ้นหรือการเติมคิ้ว ให้เต็ม แต่หากต้องการลดความเข้มของคิ้วให้ใช้อายโบรว์สีน้ำตาลอ่อนแทน
เลือกผลิตภัณฑ์แต่งคิ้ว
– แบบดินสอ จะเขียนถนัดมือ ปลายที่แหลมทำให้เขียนหางคิ้วได้คมชัด เหมาะสำหรับสาวคิ้วบาง
– แบบเนื้อฝุ่น จะช่วยเติมคิ้วให้ดูเป็นธรรมชาติและดกหนาขึ้น แถมยังช่วยเติมช่องว่างระหว่างคิ้วได้ด้วย
– แบบเนื้อเจล จะช่วยให้ขนคิ้วเรียงตัวสวยได้ตลอดวัน
รู้เทคนิคดีๆแบบนี้แล้ว ก็อย่าลืมไปลองหัดเขียนคิ้ว แต่งคิ้วกันนะคะ สาวๆ
ที่มาจาก โพสต์ทูเดย์
link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี , วิธีรักษาปากแห้งแตกเป็นขุย
เครดิต pupylovekoreashop
วิธีรักษากระด้วยไชเท้า
วิธีรักษากระด้วยไชเท้า
ทราบหรือไม่ว่าประโยชน์ของไชเท้านอกจากไว้รับประทานแล้วยังสามารถนำมารักษากระได้ มีวิธีมาฝาก…
วิธีทำ คือ นำหัวไชเท้ามาล้างให้สะอาด นำมาฝานบาง ๆ เป็นชิ้น ๆ นำไปปั่นให้ละเอียด จากนั้นใส่น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ แล้วปั่นรวมกันอีกครั้ง แล้วนำมาทาให้ทั่วใบหน้า ยกเว้นรอบดวงตาและปาก ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที เสร็จแล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด แล้วจึงทาครีมบำรุงตามปกติ ทำเป็นประจำ กระจะค่อย ๆ จางหายไป
แต่วิธีแบบนี้อาจจะต้องใช้เวลาในการรักษา ทางที่ดีควรป้องกันไม่ให้เกิดกระจะดีกว่า.
link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี , เคล็ดลับขาสวยสำหรับสาวออฟฟิศ
เครดิต pupylovekoreashop
ทราบหรือไม่ว่าประโยชน์ของไชเท้านอกจากไว้รับประทานแล้วยังสามารถนำมารักษากระได้ มีวิธีมาฝาก…
วิธีทำ คือ นำหัวไชเท้ามาล้างให้สะอาด นำมาฝานบาง ๆ เป็นชิ้น ๆ นำไปปั่นให้ละเอียด จากนั้นใส่น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ แล้วปั่นรวมกันอีกครั้ง แล้วนำมาทาให้ทั่วใบหน้า ยกเว้นรอบดวงตาและปาก ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที เสร็จแล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด แล้วจึงทาครีมบำรุงตามปกติ ทำเป็นประจำ กระจะค่อย ๆ จางหายไป
แต่วิธีแบบนี้อาจจะต้องใช้เวลาในการรักษา ทางที่ดีควรป้องกันไม่ให้เกิดกระจะดีกว่า.
link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี , เคล็ดลับขาสวยสำหรับสาวออฟฟิศ
เครดิต pupylovekoreashop
ผิวสวยเปล่งปลั่งด้วยวิธีง่ายๆ
ผิวสวยเปล่งปลั่งด้วยวิธีง่ายๆ
ลองใช้ส่วนผสมต่อไปนี้ที่หาได้ในบ้านของคุณเอง เพื่อเป็นเจ้าของผิวสวยเปล่งปลั่งอย่างที่คุณปรารถนา
1. น้ำตาลทราย ใช้ น้ำตาลทรายผสมกับน้ำมันมะกอก เพื่อขัดผิว เกล็ดน้ำตาลทรายจะช่วยขัดลอกเซลล์ผิวเก่าและทำให้ผิวนุ่มขึ้น ขณะที่น้ำมันมะกอกจะทำให้ผิวชุ่มชื่น
2. ข้าวโอ๊ตและนม ผสมข้าวโอ๊ตกับนมแบบไม่พร่องมันเนยทาให้ทั่วใบหน้าและปล่อยให้แห้งราว 10-15 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด
3. โยเกิร์ต ทาโยเกิร์ตแบบธรรมชาติลงให้ทั่วใบหน้าทิ้งไว้ 15 นาที ไม่เพียงแต่ผิวจะรู้สึกสดชื่น มันยังทำให้ผิวของคุณนุ่มนวลและเรียบลื่นอีกด้วย
4. กล้วยหอม บดให้ละเอียดและผสมกับนมสด ทาทั่วใบหน้าและทิ้งไว้ 20 นาที ล้างออกด้วยน้ำเย็น แล้วรอดูผิวที่เปล่งปลั่งได้เลย
5. น้ำผึ้ง ทาให้ทั่วใบหน้าและลำคอ ทิ้งไว้ 20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น ผิวคุณจะนุ่มนวลและเปล่งปลั่ง
6. ไข่ ผสมไข่ดิบกับน้ำผึ้ง ทาให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ 20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น
7. มะละกอ บดละเอียดแล้วพอกลงบนใบหน้า ทิ้งไว้ 15 นาทีแล้วล้างออก
8. แป้งข้าวโพด ผสมกับไข่ขาวและทาทั่วใบหน้าเมื่อใบหน้าแห้ง ซึ่งใช้เวลาราวครึ่งชั่วโมง ใช้นิ้วจุ่มน้ำอุ่นและนวดให้ทั่ว ก่อนล้างออกด้วยน้ำสะอาด
ขอขอบคุณที่มาจาก Lisa
link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี , เคล็ดลับขาสวยสำหรับสาวออฟฟิศ
เครดิต songsoinshop
ลองใช้ส่วนผสมต่อไปนี้ที่หาได้ในบ้านของคุณเอง เพื่อเป็นเจ้าของผิวสวยเปล่งปลั่งอย่างที่คุณปรารถนา
1. น้ำตาลทราย ใช้ น้ำตาลทรายผสมกับน้ำมันมะกอก เพื่อขัดผิว เกล็ดน้ำตาลทรายจะช่วยขัดลอกเซลล์ผิวเก่าและทำให้ผิวนุ่มขึ้น ขณะที่น้ำมันมะกอกจะทำให้ผิวชุ่มชื่น
2. ข้าวโอ๊ตและนม ผสมข้าวโอ๊ตกับนมแบบไม่พร่องมันเนยทาให้ทั่วใบหน้าและปล่อยให้แห้งราว 10-15 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด
3. โยเกิร์ต ทาโยเกิร์ตแบบธรรมชาติลงให้ทั่วใบหน้าทิ้งไว้ 15 นาที ไม่เพียงแต่ผิวจะรู้สึกสดชื่น มันยังทำให้ผิวของคุณนุ่มนวลและเรียบลื่นอีกด้วย
4. กล้วยหอม บดให้ละเอียดและผสมกับนมสด ทาทั่วใบหน้าและทิ้งไว้ 20 นาที ล้างออกด้วยน้ำเย็น แล้วรอดูผิวที่เปล่งปลั่งได้เลย
5. น้ำผึ้ง ทาให้ทั่วใบหน้าและลำคอ ทิ้งไว้ 20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น ผิวคุณจะนุ่มนวลและเปล่งปลั่ง
6. ไข่ ผสมไข่ดิบกับน้ำผึ้ง ทาให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ 20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น
7. มะละกอ บดละเอียดแล้วพอกลงบนใบหน้า ทิ้งไว้ 15 นาทีแล้วล้างออก
8. แป้งข้าวโพด ผสมกับไข่ขาวและทาทั่วใบหน้าเมื่อใบหน้าแห้ง ซึ่งใช้เวลาราวครึ่งชั่วโมง ใช้นิ้วจุ่มน้ำอุ่นและนวดให้ทั่ว ก่อนล้างออกด้วยน้ำสะอาด
ขอขอบคุณที่มาจาก Lisa
link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี , เคล็ดลับขาสวยสำหรับสาวออฟฟิศ
เครดิต songsoinshop
คิ้วบาง เขียนคิ้วอย่างไรให้ดูเป็นธรรมชาติคิ้วบาง เขียนคิ้วอย่างไรให้ดูเป็นธรรมชาติ
เป็นคนคิ้วบาง มีปัญหาเรื่องการแต่งคิ้วมาก เคยลองใช้ดินสอเขียนคิ้วแต่ดูไม่เป็นธรรมชาติเลย ทำอย่างไรดีคะ สำหรับผู้หญิงคิ้วบาง แนะนำว่าควรใช้ดินสอเขียนคิ้วแบบหัวตัด ซึ่งจะช่วยในการควบคุมเส้นได้ง่ายขึ้น และวิธีการเขียนนั้น ค่อยๆ ลากดินสอตามรูปคิ้วให้เนื้อดินสอติดคิ้วเพียงแค่เขม่า อย่าลากจนเส้นคมชัดเกินไป ถ้าไม่มั่นใจในการใช้ดินสอเขียน ให้ลองทำตามคำแนะนำนี้ดูค่ะ อย่างแรก ใช้พู่กันสำหรับเขียนคิ้วและอายแชโดว์สีโทนน้ำตาลเทา หรือน้ำตาลเทาอมเขียว อย่าเลือกสีน้ำตาลอมแดงเป็นอันขาดนะคะ เฉพาะดูไม่เป็นธรรมชาติ ซึ่งผลิตภัณฑ์ของ Etude, Shu Uemura, MAC และ Maybeline มีสินค้าสำหรับสาวคิ้วบางให้เลือกเยอะเชียวค่ะ วิธีการใช้ เพียงแค่ปัดคิ้วตามรูปด้วยพู่กันหัวตัดเฉียงที่ใช้สำหรับการเขียนคิ้วโดย เฉพาะ อย่าลากเส้นยาวเกินคิ้วจนเกินไป เพราะถ้ายังไม่ชำนาญอาจทำให้เส้นดูชัดและหลอกจนเกินไปได้ค่ะ เทคนิคอีกข้อ คือการใช้มาสคาร่าสีดำ ซับด้วยทิชชู่ออกรอบหนึ่งให้สีมาสคาร่าติดอยู่เพียงเล็กน้อย แล้วนำมาปัดคิ้วตามเส้นคิ้วให้ดูชัดขึ้น วิธีนี้อาจใช้ควบคู่กับเทคนิกข้อแรกได้ด้วย หากว่าต้องการให้รูปคิ้วชัดเจนมากขึ้น linkที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี , ดูแลผิวหน้าสำหรับสาวผิวมัน เครดิต songsoinshop.com ลิปสติก…ทายนิสัยลิปสติก…ทายนิสัย
สุภาษิตที่ว่า “ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง” เห็นทีคงจะใช้ได้กับสาวๆ ทุกยุคทุกสมัยเลยนะคะ เพราะไม่ว่าจะสมัยเก่าหรือสมัยใหม่ ผู้หญิงทุกคนก็ย่อมที่จะอยากให้ตัวเองดูเด่นดูเด้งเตะตาหนุ่มใช่มั้ยล่ะ และเครื่องสำอางก็ดูจะกลายเป็นตัวช่วยที่ขาดไม่ได้สำหรับคุณสาวๆ โดยเฉพาะลิปสติกที่เป็นตัวช่วยเสริมเสน่ห์ให้กับเรียวปาก ว่าแล้วก็เลยนำแบบทดสอบที่เกี่ยวกับลิปสติกแท่งโปรดของคุณมาทายสนุกๆกัน เริ่มที่ สำรวจลิปสติกแท่งเก่งของคุณก่อนสิคะว่า ใกล้เคียงกับภาพไหนข้างล่างนี้มากที่สุด แบบที่1 ปลายไม่เอียงมาก ใกล้เคียงกับตอนที่ซื้อมา คุณไม่ค่อยมีความมั่นใจ ชอบอยู่ในกฎระเบียบ และเป็นผู้ตามที่ดี แต่ในบางอารมณ์ก็ไม่ค่อยยอมอดทนกับเรื่องอะไรนานนัก ค่อนข้างสงบเสงี่ยมอยู่ในกรอบ แต่บางทีก็มีหลุดกรอบสร้างความแปลกใจได้เหมือนกัน แบบที่2 แหลมเฉพาะปลาย คุณเป็นคนน่ารัก ชอบให้คนรายล้อมและเป็นที่ปรึกษาที่ดีสำหรับบุคคลในครอบครัว แต่บางครั้งคุณก็ทำตัวโอเวอร์มากเกินไป ระวังคนหมั่นใส้เอาได้นะ นอกจากนี้ คุณยังเป็นคนหัวรั้นและดื้อในเรื่องไม่เป็นเรื่อง เพลาๆไว้บ้างจะดีมาก แบบที่3 ปลายกลมมน คุณเป็นคนง่ายๆ สบายๆ ชอบความสงบ สุขุม เยือกเย็น มั่นคง น่าคบหา และมีน้ำใจ แบบที่4 ปลายตัดตรง คุณเป็นคนพูดตรง มีศีลธรรมสูง เอาใจใส่กับรูปลักษณ์ภายนอก เป็นคนไว้ใจได้ หัวอนุรักษ์ หัวไว ชอบการพิสูจน์ และชอบท้าทาย แบบที่5 ปลายเป็นมุมแหลม คุณเป็นคนหัวดื้อรั้น ยึดเอาความเห็นของตัวเองเป็นใหญ่ สนุกสนาน ร่าเริง ไม่ชอบอยู่ในกรอบ เลือกคบเพื่อน และชอบการเอาใจใส่ แบบที่6 ปลายตัด แต่เว้ากลาง คุณมีนิสัยอยากรู้อยากเห็น ชอบสืบเรื่องโน้นเรื่องนี้ ชอบซักถาม และเข้ากับคนง่าย นอกจากนี้ยังปลื้มการผจญภัยสุดๆ ชอบเรื่องตื่นเต้น และมีความซับซ้อนในตัวเอง แบบที่7 ปลายเว้าแหลม คุณเป็นคนมีหัวครีเอท กระตือรือร้น กระปรี้กระเปร่า คุยเก่ง ชอบให้คนสนใจ ตกหลุมรักง่าย มีน้ำใจ ค่อนข้างอยู่ในกรอบ และเกลียดการอยู่คนเดียว แบบที่8 ปลายเล็กเรียว คุณเป็นคนฉลาด ช่างคิดช่างสงสัย ชอบเรียกร้องความสนใจ ลึกลับมีอีโก้สูง เป็นคนน่าเชื่อถือ และเป็นนักแก้ปัญหา link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี , มาสก์หน้า สำคัญอย่างไร เครดิต songsoinshop กลวิธี ทาครีม บำรุงผิวกลวิธี ทาครีม บำรุงผิว
สาวๆ กับความสวยต้องเป็นสิ่งที่คู่กันอยู่แล้ว คุณสาวๆ ทั้งหลายต่างสรรหาวิธีบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใสและให้ดูดีกันตลอดเวลา โดยเฉพาะเครื่องประทินผิวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นครีมบำรุง โลชั่น มอยเจอร์ไรเซอร์ แต่ทราบไหมค่ะ ว่าแค่การทาครีมบำรุงผิวพรรณ ก็ต้องมีการใช้และทาอย่างถูกวิธีด้วยค่ะ จึงจะทำให้การบำรุงผิวเกิดประสิทธิภาพ เรามาดูวิธีทาครีมบำรุงผิวอย่างถูกวิธีกันเลยดีกว่า 1. ทำความสะอาดผิวหน้าให้หมดจด แล้วเลือกปริมาณครีมที่ต้องใช้ให้เหมาะตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญด้านความ งาม เราเพราะถ้าน้อยเกินไป ก็จะไม่ได้ประสิทธิภาพเท่าที่ควรหรือถ้ามากเกินไป ก็จะทำให้ผิวหน้ามันเกินไป และก็เปลืองโดยใช่เหตุอีกด้วย ซึ่งส่วนใหญ่จะประมาณ 1 ข้อนิ้ว 2. เริ่มแต้มครีมที่บริเวณ 5 จุด ของใบหน้าเลยค่ะ คือ หน้าผาก จมูก แก้มทั้งสองข้าง และคางตามลำดับ 3. นิ้วกลางและนิ้วนาง เกลี่ยบริเวณที่กว้างที่สุดก่อน เช่น โหนกแก้ม โดยเริ่มจากส่วนกลางไปยังส่วนข้างๆ แล้วตามด้วยแนวสันจมูก ใต้โพรงจมูก คาง และหน้าผาก โดยเว้นบริเวณรอบดวงตาไว้ เพราะอาจจะต้องใช้ครีมชนิดเฉพาะรอบดวงตาแทน 4. การลงน้ำหนักนิ้ว ควรจะเบาที่สุดเท่าที่ทำได้ค่ะ เพราะผิวหน้าเป็นผิวที่บอบบาง ควรได้รับการทะนุถนอม ถ้าลงน้ำหนักแรงเกินไป อาจจะทำให้เกิดรอยย่นในภายหลังได้ 5. ทาครีมรอบดวงตา ควรใช้ปริมาณเนื้อครีมประมาณ 1 เมล็ดถั่วเขียว แล้วใช้นิ้วนางเพียงนิ้วเดียวในการทา เพราะจะน้ำหนักกดเบาที่สุด แล้วทาครีมไล่ตามแนวโครงกระดูกเบ้าตา อาจจะเริ่มที่หัวตาหรือหางตาก่อนก็ได้ แล้ววนครีมรอบๆ ดวงตา จะวนเข้าหรือวนออกก็ได้ตามถนัด แต่ต้องวนไปในทิศทางเดียวกันทั้งสองข้าง 6. ทาครีมบริเวณลำคอ ควรใช้ปริมาณเนื้อครีมเท่ากับที่ใบหน้าประมาณ 1 ข้อมือ โดยเริ่มจากบริเวณที่กว้างที่สุดของลำคอก่อน คือ บริเวณฐานลำคอแล้วใช้ปลายนิ้วทั้งหมดค่อยๆ ลูบไล้ขึ้น ไม่ควรทาลง เพราะจะทำให้ผิวบริเวณลำคอหย่อนยานไปตามแนวโน้มถ่วงของโลก ทำให้เกิดรอยย่นภายหลังได้ 7. ทาครีมบริเวณหน้าอก อาจจะใช้ครีมที่เหลือจากลำคอ ทาลูบในช่วงอกต่อไปได้ โดยการใช้ปลายนิ้วลูบไล้เพียงเบาๆ และวนให้ทั่วแผ่นอก เพื่อการซึมซับของเนื้อครีมสู่ผิว แล้วค่อยไล่ทาไปที่หน้าท้องและส่วนหลัง 8. การทาครีมบริเวณแขนขาและเท้า จะใช้ครีมปริมาณมากเช่นกัน ประมาณ 2-3 ข้อนิ้ว โดยเริ่มต้นที่ต้นแขนก่อนแล้วก็ลูบไล้มาที่ท้องแขนจนทั่วบริเวณทำเหมือนกัน ทั้งสองข้างเลยค่ะ จากนั้นก็เรื่อยมาที่ต้นขา แล้วทาวนจากด้านต้นขาไปปลายขา โดยการใช้ปลายนิ้วลูบไล้เพียงเบาๆ เพื่อการซึมซับของเนื้อครีมสู่ผิว โดยควรจะเน้นบริเวณหน้าแข้งสองข้างให้มากเพราะบริเวณนี้จะแห้งกร้านได้ง่าย มาก ส่วนบริเวณเท้าควรทาทั้งสองด้าน คือ หลังเท้าและฝ่าเท้า พร้อมทำการนวดให้ทั่วอุ้งเท้าเพื่อเป็นการผ่อนคลายและเพิ่มการไหลเวียนโลหิต ด้วยค่ะ link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี , ขจัดความหมองคล้ำ ด้วยมะขามเปียก เครดิต songsoinshop วิธีทำให้โหนกแก้มดูโดดเด่นขึ้นวิธีไหนที่จะทำให้โหนกแก้มดูโดดเด่นขึ้นมาได้ Q : ฉันเป็นคนหน้าอิ่ม เลยไม่ค่อยมีโหนกแก้มให้เห็น มีวิธีไหนที่จะทำให้โหนกแก้มดูโดดเด่นขึ้นมาได้บ้างคะ? A : ในการทำให้โหนกแก้มของคุณลอยเด่นขึ้นมานั้น คุณจำเป็นต้องมีบรอนเซอร์โทนสีที่เข้มกว่าสีผิวของคุณเล็กน้อย รวมทั้งบลัชออนและผลิตภัณฑ์สำหรับทำไฮไลต์ด้วย เคล็ดลับในการแต่งแก้มคือดูดแก้มของคุณให้บุ๋มลง แล้วปัดบรอนเซอร์ลงไปตามรอยบุ๋มใต้โหนกแก้ม โดยปัดเฉียงๆ ขึ้นไปด้านบน จากนั้นเปลี่ยนเป็นฉีกยิ้ม แล้วปัดบลัชออนลงบนแก้มที่นูนขึ้นมาเป็นก้อนๆ จากการฉีกยิ้ม จบด้วยการปัดไฮไลท์ลงไปบนจุดสูงสุดของแก้ม กุญแจสำคัญคือเกลี่ยทุกสิ่งทุกอย่างให้ดูกลมกลืนกัน อย่าให้เห็นรอยต่อของบรอนเซอร์ บลัชออน และไฮไลต์เด็ดขาด ไม่เช่นนั้นคุณอาจดูเหมือนงิ้วหลงโรงได้ ที่มาจาก lisa link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี,เทคนิคสำคัญสำหรับนัดพิเศษนี้ เครดิต songsoinshop กลเม็ดเด็ดทาเล็บสีใหม่ (กรณีเบื่อสีเก่า)กลเม็ดเด็ดทาเล็บสีใหม่ (กรณีเบื่อสีเก่า)
1. ล้างสีเล็บเก่าออกโดยแช่สำลีชุบน้ำยาล้างเล็บไว้บนเล็บประมาณ 10 นาที (แต่ละเล็บ) นี่เป็นการลบสีเก่าออกให้เกลี้ยงและยังลบลอยขีดข่วนออกด้วย 2. ตะไบเล็บให้อยู่ในรูปที่คุณต้องการ ควรตะไบไปทางเดียวกันในแต่ละครั้ง 3. เมื่อตะไบครบทุกนิ้ว ให้เอามือทั้งสองแช่ในน้ำอุ่นที่เตรียมไว้สัก 2-3 นาที เพื่อให้เล็บที่ถูกตัดหรือตะไบนุ่มขึ้น 4. ใช้แปรงค่อยๆทำความสะอาดใต้เล็บที่สกปรก และตรงนิ้วที่หยาบให้นุ่มขึ้น จากนั้นเช็ดให้แห้ง 5. ใช้โลชั่นบำรุงเล็บ ถ้าไม่มีใช้โลชั่นธรรมดา หรือ baby oil หยดบนคอตต้อนบัทแล้วนวดทีละเล็บเพื่อให้ลอยขุยลอยแห้งหายไป 6. ทาสีเคลือบเล็บแต่ละเล็บเพื่อป้องกันเล็บเหลือง และเพื่อให้สีเล็บติดทนนาน 7. เสร็จขั้นตอนดังกล่าวแล้วให้ทาสีเล็บที่ต้องการทับบนเล็บที่เคลือบไว้ ทา 2 รอบ ก็พอทาหลายครั้งจะทำให้เล็บดูหนาเทอะทะไม่สวย เริ่มทาจากด้านในเล็บมาที่ปลายเล็บ และควรเริ่มจากตรงกลาง ด้านซ้ายและด้านขวาทุกเล็บ ระวังเวลาทาอย่าให้เลอะขอบเล็บนะคะ จะดูเป็นสาวเพิ่งหัดสวยซะก่อน link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี , ผิวแทนสุดเซ็กซี่ เครดิต bewtychic ฟิตหุ่นสุดเซ็กซี่ รับซัมเมอร์ฟิตหุ่นสุดเซ็กซี่ รับซัมเมอร์
ร้อน..ฮอต.. ฮอต..เพราะอากาศอย่างนี้ หนีไม่พ้นแฟชั่นภาคบังคับที่สาวๆ จะตัองอวดหุ่นสวยในชุดว่ายน้ำ ขาสั้น หรือสายเดี่ยว ฉะนั้นสาวที่มีดีจะอวดคงต้องเตรียมชุดเจิดจ้าไว้แล้ว แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับสาวที่อยากจะอวด แต่ขาดความมั่นใจในหุ่นของตัวเอง ก็อย่าเพิ่งหมดกำลังใจนะคะ เริ่มจากวันนี้ก็ไม่สายเกินไปค่ะ วิธีที่จะช่วยให้คุณสาวๆ ฟิตแอนด์เฟิร์มได้แบบไม่ตั้งใจในชั่วโมงการทำงาน เช่น ลุกขึ้นเดินทุกชั่วโมง อย่านั่งอยู่กับที่เป็นเวลานานๆ, จิบน้ำเปล่าทุกชั่วโมง เพราะมีความเชื่อว่าน้ำจะเข้าไปชำระล้างช่วยขับของเสียออกมา, ขึ้นบันไดแทนการใช้ลิฟต์ (สะโพกจะกระชับขึ้น), ลำตัวตั้งตรงหลังพิงพนักขณะนั่งทำงาน (ถ้านึกได้ก็แขม่วพุงด้วย พุงจะได้ไม่ย้อย), บิดขี้เกียจซะบ้าง (กล้ามเนื้อจะได้ผ่อนคลาย) ส่วนกิจกรรมยามว่างเมื่ออยู่ที่บ้านไม่ว่าจะเป็นการทำสะอาดบ้าน, รถ, สัตว์เลี้ยง ก็เป็นการเผาผลาญแคลอรีได้มากพอสมควร แม้ว่าดูการนั่งดูทีวีเฉยๆ ก็สามารถฟิตแอนด์เฟิร์มได้ ขอเพียงแต่คุณอย่าเผลอเอาพวกขนมกรุบกรอบเข้าปากเท่านั้นแหละ แต่สุดท้ายแล้ว ถ้าจะให้หุ่นกระชับเร็วยิ่งขึ้นอำลาส่วนเกินที่ไม่พึงปรารถณา ให้กลับมาสวมยีนส์ตัวเก่งได้อย่างมั่นใจ ก็ลองไปซื้อหา Vichy (วิ ชี่) ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวชั้นนำจากฝรั่งเศสแล้วกัน เพราะเขาโฆษณาว่า เปิดซีซั่นรับซัมเมอร์ด้วยบอดี้ครีม สำหรับกระชับหุ่นแบบเร่งด่วน นอกจากนั้นที่น่าสนใจคือ เขามีเทคนิคในการใช้ครีมนวดกระชับสัดส่วนให้หุ่นเฟิร์มมาบอกด้วยว่า บริเวณสะโพก : เริ่มต้นจากข้อเท้า ใช้ทั้ง 2 มือนวดวนขึ้นมาที่บริเวณต้นขา ไล่ขึ้นมายังสะโพกและเอว โดยพยายามเน้นที่บริเวณต้นขาด้านใน ต้นแขน : นวดเริ่มจากข้อมือ ใช้ฝ่ามือและนิ้วนวดวนขึ้นมายังหัวไหล่ โดยเน้นที่บริเวณด้านในของต้นแขน คอและไหล่ : นวดวนจากบริเวณหัวไหล่ไล่ขึ้นไปจนถึงลำคอและเลยไปถึงปลายคาง หน้าท้อง : นวดวนทวนเข็มนาฬิกาบริเวณหน้าท้อง นวดวนจากบริเวณชายโครงไปยังต้นแขน link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี , เทคนิค แต่งหน้า กับ วิธีตบตา ให้ คาง ดูเรียวลง เครดิค bewtychic แต่งหน้า ให้ สวยใส ในพริบตาแต่งหน้า ให้ สวยใส ในพริบตา
ถ้าคุณมีเวลาไม่มากนักในการแต่งเติมความงามบนใบหน้า นี่คือขั้นตอนง่ายๆ ที่จะทำให้คุณดูสวยพร้อมในเวลาอันรวดเร็ว ใช้ครีมรองพื้นแบบแท่งกลบรอยแดงๆ และสิวเอาไว้ การเลือกเฉดสีที่ใกล้เคียงกับสีผิวของคุณ จะช่วยให้ทาได้ง่ายและเร็วขึ้น ที่ดัดขนตาดีๆ จะช่วยให้ดวงตาของคุณดูโตขึ้น และขนตางอนสวยโดยใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที การปัดมาสคาร่าสองสามรอบ จะช่วยให้ดวงตาดูโดดเด่นขึ้นมาทันที ถ้าคุณไม่มีเวลาทาอายแชโดว์หรือเขียนอายไลเนอร์ ใช้ผลิตภัณฑ์อเนกประสงค์ที่ใช้แต่งเติมความงามบนใบหน้าได้หลายอย่าง และสามารถใช้นิ้วแต้มลงบนเปลือกตา แก้ม และริมฝีปากได้ โทนสีชมพูกุหลาบ สีพีช และสีบรอนซ์เป็นโทนสีที่ใช้ได้ดีที่สุด ใช้ลิปสติกแบบบางใสและมีความมันวาว หรือลิปบาล์มแบบที่มีสีเจืออยู่เล็กน้อย จะช่วยให้เรียวปากดูสวยใสได้โดยไม่ต้องเขียนขอบปากหรือทาทับด้วยลิปกลอส ลิปสติกโทนสีแดงหรือชมพูจะช่วยให้ดูสดใสขึ้นได้ แม้ในยามที่แต่งหน้าไม่ครบสูตร link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี , แฟชั่น ชุดนอน และตัวตน แบบหวิวหวิว เครดิต bewtychic สิ่งที่ควรรู้ก่อนสครับผิวสิ่งที่ควรรู้ก่อนสครับผิว
ใครที่ต้องสครับผิวเป็นประจำ วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์มีสิ่งที่ควรรู้ก่อนจะสครับผิวมาฝาก… + สครับผิวสัปดาห์ละครั้ง ความถี่ในการสครับผิวที่เหมาะสม คือ 2 สัปดาห์ครั้งสำหรับผิวธรรมดาในช่วงเย็นของวัน ส่วนผิวมันสครับได้บ่อยกว่า คือ สัปดาห์ละครั้ง และ สำหรับผิวแห้ง สามารถสครับผิวได้ 2-3 สัปดาห์ครั้ง คนเราจะผลัดเซลล์ที่ตายแล้วทุก ๆ 28 วัน การสครับออกไปแต่พอดี จึงช่วยเผยผิวใหม่ที่สะอาด น่ามองได้ + เลือกเนื้อสครับธรรมชาติ สครับเนื้อหยาบอาจทำให้ผิวถลอกได้ ทางที่ดีควรเลือกเนื้อบีทเล็ก ๆ ที่มาจากธรรมชาติอย่าง รำข้าว สารสกัดจากหม่อน เมล็ดมะขาม น้ำตาล เปลือกมะกรูด มะขามป้อม ตะไคร้ ฯลฯ ที่ช่วยขจัดเซลล์ผิวได้อย่างอ่อนโยน และยังช่วยเพิ่มคุณค่าให้ผิวอีกด้วย + เลือกสมุนไพรให้เหมาะกับผิว เพราะสารสกัดที่ผสมในเนื้อสครับมีความแตกต่างกันไป สมุนไพรบางชนิดดีต่อผิวแห้ง เช่น น้ำผึ้ง แตงกวา ว่านหางจระเข้ ส่วนผิวมันและผิวมีสิวควรเลือกผลไม้รสเปรี้ยว เช่น มะยม มะเฟือง มะกรูด มะขาม เป็นต้น เพื่อให้สมุนไพรได้ดูแลผิวอย่างถูกต้อง + เมื่อใกล้ออกแดด เมื่อเตรียมจะไปเที่ยวทะเล ควรงดการสครับผิวก่อนออกแดดประมาณ 2 วัน เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวถูกแสงแดดทำลายมากเกินไป และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์การป้องกันแสงแดดทุก ๆ 4 ชั่วโมง รวมทั้งการสเปรย์ผิวให้ชุ่มชื่นตลอดการออกแดด ถ้าจะสครับผิวครั้งหน้า ก็อย่าลืมนึกถึงคำแนะนำกันด้วย หรือเพื่อนจะเลือกใช้เครื่องสำอางเกาหลี ที่มีส่วนผสม ที่ จะสครับผิว ได้เลย เพื่อนลองใช้กันดูนะค่ะ link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี , แผลเป็น จาก สิว จางหาย เครดิต bewtychic น้ำผึ้ง … ครีมบำรุงธรรมชาติน้ำผึ้ง … ครีมบำรุงธรรมชาติ
น้ำผึ้งมีสรรพคุณในการเป็นตัวกักเก็บน้ำที่ให้ความชุ่มชื้นไว้กับผิว เป็นตัวต้านความระคายเคือง จึงเหมาะมากสำหรับคนที่มีผิว sensitive และผิวเด็ก ดังนั้นน้ำผึ้งจึงเป็นส่วนสำคัญของเครื่องสำอางค์หลากหลายที่ให้ความชุ่มชื้นกับผิว ทั้ง cleansers ครีมแชมพูและครีมนวดผม ครีมอาบน้ำอ่อนโยน หลังจากอาบน้ำจนตัวสะอาดแล้ว ให้เทน้ำผึ้ง 1/4 ถ้วย ลงไปในน้ำเพื่อให้มีกลิ่นหอมและให้ความนุ่มชุ่มชื่นผิว แล้วอาบผิวโดยไม่ต้องล้างออก ซับให้แห้ง ครีมบำรุงผม ปรุงสูตรบำรุงผมด้วยตัวคุณเองโดยใช้น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา เทลงไปในน้ำอุ่น 4 ถ้วย (1 ควอร์ท) และน้ำมะนาว 1 ช้อน ชา ผสมให้เข้ากัน สูตรนี้ให้ใช้หลังจากสระผมแล้ว โดยนำน้ำผึ้งผสมมะนาวมาเทลงบนเส้นผม นวดให้ทั่ว โดยไม่ต้องล้างออก ปล่อยให้เส้นผมแห้งตามธรรมชาติ คุณจะรู้สึกได้ถึงความนุ่มมีน้ำหนักมากขึ้นของเส้นผม ครีมพอกหน้า · ผสมน้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ กับ นมสด 2 ช้อนชาเข้าด้วยกัน จากนั้นนำมาทาผิวหน้าและคอให้ทั่ว ทิ้งไว้ 10 นาที จากนั้นล้างออกให้สะอาดด้วยน้ำอุ่น · น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ มะนาว 1 ช้อนชา และเนื้ออะโวคาโดสุก 1 ผล นำส่วนผสมทั้งหมดมากวนให้เข้ากัน จากนั้นนำมาพอกใบหน้าเว้นบริเวณรอบปากและดวงตา ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที ล้างออกให้สะอาดด้วยน้ำอุ่น โลชั่นบำรุงผิว ผสมน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา น้ำมันพืช 1 ช้อนชา และน้ำมะนาว ¼ ช้อนชา จากนั้นนำมาถูมือ ข้อศอก ส้นเท้า หรือบริเวณที่ผิวแห้ง จากนั้นทิ้งไว้ 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด หากทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ผิวที่เคยแห้งแตกก็จะสมานกันนุ่มเนียนขึ้น ครีมขัดผิวหน้าผสมน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ เข้ากับอัลมอนด์ป่น 2 ช้อนโต๊ะ และน้ำมะนาว ½ ช้อน ชา จากนั้นนำมาขัดผิวหน้าเบาๆ อย่างอ่อนโยน จากนั้นล้างออกด้วยน้ำอุ่น ผิวจะนุ่มเนียนเรียบขึ้น แต่การขัดผิวหน้าไม่ควรทำบ่อยครั้ง 1-2 สัปดาห์ต่อครั้งก็เพียงพอ ครีมพอกกระชับผิวหน้านำน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ ไข่ขาว 1 ฟอง กลีเซอรีน 1 ช้อนชา และแป้ง ทั้งหมดนำมาปั่นให้เข้ากัน ซึ่งส่วนผสมทั้งหมดจะได้ประมาณ ¼ ถ้วย จากนั้นนำมาทาผิวหน้าและลำคอ ที่สำคัญคุณอย่าลืมเว้นรอบปากและดวงตา ทิ้งไว้ 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น น้ำ ผึ้งถือเป็นสมุนไพรธรรมชาติที่หาง่ายในบ้านเรา แถมมีคุณภาพดี สูตรปรนนิบัติผิวพรรณต่างๆ ที่แนะนำคุณมาเป็นสูตรที่แสนง่าย ไม่ต้องใช้ส่วนผสมมากมายให้ยุ่งยาก แต่ให้ผลดีที่คุณจะสัมผัสได้ ลองดูสิค่ะ… ที่มาจาก Health Today link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี , ต้องใช้อายครีมกับผิวรอบดวงตาจริงหรือ? เครดิต bewtychic หน้าขาวใส อะไรช่วยได้บ้าง?
สารหรือตัวยาที่ทำให้หน้าขาว ทราบหรือไม่ว่า สารหรือตัวยาชนิดใดที่ทำให้ผิวหน้าขาว วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์มีเรื่องนี้มาฝาก… กลูตาไธโอน ลด การสร้างเม็ดสีเมลานิน ต้านการเสื่อมของเซลล์ผิว ส่งผลให้ผิวหน้า ขาวสวยใส เปล่งปลั่งไร้รอยด่างดำ รวมถึงผิวทั่วเรือนร่าง เช่น ใต้วงแขน ริมฝีปาก และบริเวณหัวนม ให้ขาวอมชมพู สารสกัดจากเปลือกสน ทำ ให้ผิวขาวใส โดยลดปฏิกิริยาของผิวหนังเมื่อถูกแสงแดด ลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน ลดขนาดและความเข้มของฝ้า กระและช่วยปรับสภาพผิวให้กลับขาวใสขึ้น สารสกัดจากเมล็ดองุ่น สาร ต้านอนุมูลอิสระในเมล็ดองุ่น ช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว ทำให้เนื้อเยื่อโครงสร้างผิวแข็งแรง ปกป้องเนื้อเยื่อโครงสร้างผิวจากการทำลายของอนุมูลอิสระ ลดการเกิดริ้วรอย ลดความหยาบกร้าน หมองคล้ำ ทำให้ผิวใส เรียบเนียน ชาเขียวสกัด ปก ป้องและรักษาผิวจากการทำลายของมลภาวะ โดยเฉพาะแสงแดด ช่วยฟื้นฟูและปรับสภาพผิว ให้กลับคืนสู่สภาพปกติ ช่วยให้ผิวขาวขึ้นและชะลอการเกิดริ้วรอย โคเอนไซม์คิวเทน ช่วย ลดการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว บำรุงผิวให้แข็งแรง ลดการเกิดริ้วรอย ด้วยการเร่งการผลิตคอลลาเจน ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ เพิ่มความชุ่มชื้นให้เซลล์ผิว ทำให้ผิวยืดหยุ่นแข็งแรง วิตามินซี เสริม สร้างคอลลาเจน ช่วยลดการเกิดริ้วรอย ลดการถูกทำลายของเซลล์ผิวจากอนุมูลอิสระ ช่วยคงความแข็งแรงของผิว ช่วยผลัดเซลล์ผิวและเผยผิวขาวเนียน สารสกัดจากมะเขือเทศ ลดรอยดำ และความหมองคล้ำจากแสงแดด ลดการถูกทำลายของผิว ช่วยปกป้องจาการทำลายของอนุมูลอิสระ ช่วยลดการเกิดริ้วรอย วิตามินอี เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ลดเลือนริ้วรอย ซีลิเนี่ยม ลดการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว ทำงานเสริมกับวิตามินซี และ วิตามินอี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของ กลูตาไธโอน ก่อนใช้สารหน้าขาวตัวไหนลองปรึกษาผู้เชี่ยวชาญอีกครั้งเพื่อความปลอดภัย link ที่เี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี , ยาทาเล็บแบบใส . . .ทำอะไรได้บ้าง เครดิต bewtychic วิธีรักษากระด้วยไชเท้า
วิธีรักษากระด้วยไชเท้า
ทราบหรือไม่ว่าประโยชน์ของไชเท้านอกจากไว้รับประทานแล้วยังสามารถนำมารักษากระได้ มีวิธีมาฝาก… วิธีทำ คือ นำหัวไชเท้ามาล้างให้สะอาด นำมาฝานบาง ๆ เป็นชิ้น ๆ นำไปปั่นให้ละเอียด จากนั้นใส่น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ แล้วปั่นรวมกันอีกครั้ง แล้วนำมาทาให้ทั่วใบหน้า ยกเว้นรอบดวงตาและปาก ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที เสร็จแล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด แล้วจึงทาครีมบำรุงตามปกติ ทำเป็นประจำ กระจะค่อย ๆ จางหายไป แต่วิธีแบบนี้อาจจะต้องใช้เวลาในการรักษา ทางที่ดีควรป้องกันไม่ให้เกิดกระจะดีกว่า. link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี , ผิวสวยด้วยเกลือธรรมชาติ เครดิต bewtychic ไขความลับหุ่นสวย 5 ประการไขความลับหุ่นสวย 5 ประการ สาวๆ หลายคนคงเคยได้ยินเรื่องกระบวนการเผาผลาญในร่างกายกับการลดความอ้วนมาบ้าง ว่า การที่เราไม่สามารถลดความอ้วนให้ได้ผลนั้น เพราะระบบเผาผลาญในร่างกายทำงานไม่ดีพอ แต่ มีหลายคนที่จะรู้ว่าระบบเผาผลาญจริงๆ แล้วมีอะไรบ้างที่เป็นตัวแปรสำคัญ ที่จะทำให้สาวๆ มีหุ่นเพรียวบางสมส่วน ดังนั้น พญ.ซูซาน โบเวอร์แมน ที่ปรึกษาของเฮอร์บาไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล ลิมิเต็ด จึงอาสามาช่วยคลายความสงสัยเกี่ยวกับกระบวนการเผาผลาญในร่างกายมาฝากกัน ดังนี้ 1. จริงหรือ? เมื่อมีอายุมากขึ้นทำให้การเผาผลาญแคลอรี่ลดลง เมื่อเรามีอายุมากขึ้น น้ำหนักตัวก็มักจะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย เนื่องจากมีการออกกำลังกายน้อยลงกว่าเดิม ส่งผลให้มีการเผาผลาญแคลอรี่ลดลงในแต่ละวัน ทำให้ร่างกายมีมวลกล้ามเนื้อลดลง ร่างกายจึงเริ่มมีรูปร่างหนาขึ้น พร้อมกับมีอัตราการเผาผลาญพลังงานที่ลดลง ดังนั้น การบริหารกล้ามเนื้อหัวใจและหลอดเลือด เพื่อให้มีการเผาผลาญแคลอรี่มากขึ้น รวมทั้งการออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อจะช่วยควบคุมการเพิ่มขึ้น ของน้ำหนักที่เกิดจากวัยที่สูงขึ้นได้เป็นอย่างดี 2. ระบบการเผาผลาญแคลอรี่ในร่างกายของเราสามารถปรับเปลี่ยนได้หรือไม่? เรามักจะพบว่า บางคนนั้นแสนจะโชคดี ที่สามารถรับประทานได้ตลอดเวลาโดยที่น้ำหนักตัวไม่เพิ่มขึ้น ซึ่งอาจมาจากการเลือกบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพและให้แคลอรี่ต่ำก็ได้ หรือบางทีเขาหรือเธออาจมีการเคลื่อนไหวร่างกายอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น หากคุณต้องการให้ร่างกายมีการเผาผลาญได้มากขึ้น ควรเคลื่อนไหวร่างกายเพื่อใช้กล้ามเนื้อให้มากขึ้นในระหว่างวัน 3. อาหารหรือเครื่องดื่มเย็นๆ จะช่วยให้ร่างกายเผาผลาญแคลอรี่ได้ดีกว่าอาหารร้อนๆ หรือไม่? จากผลปฏิบัติการในห้องทดลองพบว่า ผู้ที่บริโภคอาหารหรือเครื่องดื่มเย็นจะมีการเผาผลาญแคลอรี่เพิ่มขึ้นเล็ก น้อย โดยการเผาผลาญแคลอรี่ดังกล่าวมีสัดส่วนเพียงเล็กน้อย ซึ่งแทบไม่มีผลต่อการทำให้น้ำหนักลดลงเลย 4. การลดการบริโภคแคลอรี่จะทำให้ร่างกายมีเผาผลาญช้าลงหรือไม่? โดยปกติตามธรรมชาติแล้ว ร่างกายของคนเราจะทำหน้าที่เก็บรักษาแคลอรี่ไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ การลดการบริโภคแคลอรี่จะทำให้แคลอรี่ที่สะสมในร่างกายลดลง ส่งผลให้อัตราการเผาผลาญลดลงแต่ก็เป็นส่วนน้อยเท่านั้น ถ้าเรามีการเคลื่อนไหวอย่างกระฉับกระเฉง ก็จะทำให้เรามีน้ำหนักตัวลดลง โดยไม่ส่งผลกระทบต่ออัตราการเผาผลาญในร่างกายได้เช่นเดียวกัน ดังนั้น การบริโภคอาหารอย่างถูกหลักโภชนาการ ผนวกกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้ร่างกายเรามีอัตราการเผาผลาญแคลอรี่ตามปกติ 5. จริงหรือ? เมื่องดบริโภคอาหารตอนกลางคืนจะทำให้น้ำหนักลดลง การหยุดรับประทานอาหารหลังจากมื้อปกตินั้นจะส่งผลให้มีน้ำหนักตัวลด ลงได้ เนื่องจากการบริโภคทำให้แคลอรี่โดยรวมลดลง ดังนั้น คุณไม่ควรรับประทานอาหารหลังพระอาทิตย์ตกดินจึงจะเป็นการช่วยให้น้ำหนักตัว ลดลงได้ด้วย เมื่อคลายข้อสงสัยกันแล้วก็อย่าลืมลุกขึ้นมาดูแลสุขภาพกันตั้งแต่วันนี้ก่อนที่จะสายเกินไปนะจ๊ะ!! ขอบคุณที่มาบทความจาก www.healthcorners.com link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี , ขัดริมฝีปากแบบง่ายๆ เครดิต bewtychic ปัญหาผิวพรรณของสาวออฟฟิศ ปัญหาผิวพรรณของสาวออฟฟิศ
ท่ามกลางความสะดวกสบายในสำนักงาน สาวออฟฟิศหลายคนอาจมองข้ามปัญหาผิวพรรณที่มากับอุปกรณ์สำนักงาน เช่น เครื่องปรับอากาศ เครื่องถ่ายเอกสาร หลอดไฟ ซึ่งมีผลกระทบต่อผิวพรรณความสวยความงามได้เหมือนกัน โดยทั่วไปเครื่องใช้ในสำนักงานจะได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงความปลอดภัยของ ผู้บริโภคในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ดีเครื่องใช้บางชนิดสามารถปลดปล่อยรังสี UVA ออกมาได้ ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดกระ-ฝ้าที่เราคาดไม่ถึง เราจึงควรป้องกันตัวเองและใช้งานเครื่องใช้เหล่านี้อย่างระมัดระวัง รังสีจากเครื่องถ่ายเอกสาร พนักงานที่ทำงานใกล้ชิดกับเครื่องถ่ายเอกสารตลอดทั้งวัน อาจได้รับแสงยูวีที่ปล่อยออกมาจากหลอดไฟพลังงานสูงผนวกกับความร้อนจาก เครื่องถ่ายเอกสาร เสี่ยงต่อการเกิดกระฝ้าได้ รวมทั้งแสงวาบที่เข้าตาก็อาจทำให้ปวดตาและปวดศีรษะได้ ดังนั้นจึงควรปิดฝาครอบเครื่องถ่ายเอกสารให้สนิททุกครั้งที่ถ่ายเอกสาร นอกจากนี้ไอน้ำหมึกที่ระเหยออกมาก็ทำให้เกิดอาการเวียนหัวได้ ดังนั้นจึงไม่ควรตั้งเครื่องถ่ายเอกสารไว้ในที่ๆ ไม่มีอากาศถ่ายเท วิธีแก้ไขคือ ควรแยกห้องเฉพาะซึ่งมีการระบายอากาศที่เหมาะสม หรือติดตั้งพัดลมดูดอากาศ แสงจากหลอดไฟอ่านหนังสือ หลอดไส้ (หลอดทังสเตน) เป็นหลอดไฟที่ปลอดภัยจากรังสียูวี แต่จะให้ความร้อนสูงพอควร เราไม่ควรอยู่ใกล้หลอดไฟเกินไปเวลาใช้งาน เพราะหลอดไฟทำให้เกิดความร้อนกับหน้าได้มาก ต้นเหตุของความร้อนคือรังสีอินฟราเรดซึ่งมีส่วนในการกระตุ้นให้เกิดการสร้าง เมลานินและอาจทำให้หน้าเกิดกระได้ หลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ก็ถือว่าเป็นหลอดไฟที่ปลอดภัย เพราะปลดปล่อยรังสียูวีเอซึ่งเป็นสาเหตุของกระฝ้าออกมาในระดับที่ปลอดภัย แต่ไม่ควรเข้าไปใกล้มากกว่า 100 ซม. และไม่ควรอยู่ในบริเวณที่มีหลอดไฟเหล่านี้หลายๆ หลอดเป็นเวลานาน อย่างเช่น บริเวณหน้าตู้โฆษณา ตู้โชว์สินค้า โต๊ะเขียนแบบ วิธีการใช้หลอดไฟเพื่อให้ความสว่างอย่างปลอดภัยในการอ่านหนังสือหรือทำงาน ดึกคือ ให้ส่องไฟไปที่ผนังสีขาว แล้วให้แสงไฟสะท้อนกลับมาเป็นแสงทุติยภูมิ แสงจะนวลตาและช่วยถนอมสายตา รวมถึงลดความร้อนจากการสัมผัสผิวหน้า ทำให้ลดความเสี่ยงต่อการเกิดกระได้ นอกจากนี้ควรปรับความเข้มแสงให้เหมาะสมกับงาน เช่น งานเขียนหนังสือควรติดตั้งให้แสงมีความสว่างประมาณ 100-200 ลักซ์ สำนักงานควรมีความสว่างประมาณ 500-1000 ลักซ์ แสงจากหลอดไฟเมทัลเฮไลด์ (Metal Halide Lamp) หลอดไฟส่องสินค้า ไฟประดับ ไฟเวที รวมไปถึงหลอดไฟในอุปกรณ์ไฮเทค อย่างเช่น เครื่องฉายแผ่นใส เครื่องฉายแอลซีดี ส่วนใหญ่ทำมาจากหลอดไฟฮาโลเจนหรือหลอดไฟ Metal Halide สำหรับหลอดฮาโลเจน การปลดปล่อยรังสียูวีจะอยู่ในระดับที่ปลอดภัย แต่สำหรับหลอดแบบเมทัลเฮไลด์ การปล่อยรังสียูวีเอจะค่อนข้างเข้มข้น การทำงานที่อยู่ในแนวของแสงที่มาจากหลอดไฟชนิดนี้เป็นเวลานานมีความเสี่ยง ที่จะทำให้เกิดกระฝ้าได้ ถ้าไม่แน่ใจว่าตัวอุปกรณ์ต่างๆ ใช้หลอดไฟแบบไหน กฎง่ายๆ คือสาวออฟฟิศควรหลีกเลี่ยงการทำงานใกล้กับแหล่งกำเนิดแสงที่มีความสว่างมากๆ เป็นเวลานาน การแผ่รังสีจากคอมพิวเตอร์ โดยทั่วไปผู้ผลิตสินค้าจะควบคุมคุณภาพสินค้าให้มีการปลดปล่อยคลื่นแม่เหล็ก ไฟฟ้าออกมาในระดับที่ปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ทางด้านข้างและด้านหลังจอคอมพิวเตอร์จะมีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าออกมามากกว่าทาง ด้านหน้าจอ ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการนั่งทำงานทางด้านข้างและด้านหลังจอภาพ คอมพิวเตอร์ เพื่อป้องกันคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเข้าไปในร่างกายซึ่งเป็นที่ถกเถียงในวงการ วิชาการและการแพทย์ว่าอาจก่อให้เกิดอันตรายขึ้นได้ โดยทั่วไปสาวออฟฟิศควรนั่งห่างจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ประมาณ 14-24 นิ้ว และห่างด้านข้างและด้านหลังจอมากกว่า 24 นิ้ว หรือไม่ก็บอกให้เจ้านายเปลี่ยนมาใช้จอแบนแบบแอลซีดีหรือโน๊ตบุคแทน ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศ สาวๆ ที่ต้องอยู่ในสำนักงานเย็นฉ่ำเป็นประจำอาจประสบปัญหาผิวแห้งขาดความชุ่มชื้น ได้ สำหรับคนที่ผิวแห้งอยู่แล้วเพราะไขมันใต้ผิวหนังมีน้อย จะยิ่งสูญเสียน้ำออกไปมากกว่าคนผิวมันที่มีไขมันใต้ผิวหนังช่วยป้องกันการ สูญเสียน้ำ ในภาวะผิวแห้งจะปรากฏลักษณะเป็นเส้นเล็กบนผิวชั้นบนสุดจากการขาดน้ำ เป็นริ้วรอยชนิดรอยย่นแบบตื้น มักปรากฏบริเวณผิวอ่อนรอบดวงตาหรือข้างแก้ม ดังนั้นควรทามอยเจอร์ไรเซอร์หรือดื่มน้ำสะอาดบ่อยๆ และควรระวังเชื้อราที่จะเกิดขึ้นและฟุ้งกระจายอยู่ในห้องจากเครื่องปรับ อากาศ (ที่ไม่ค่อยได้ทำความสะอาดหรือไม่มีระบบระบายอากาศที่เหมาะสม) ด้วย ที่มาจาก Health & Cuisine link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี ,เอวกิ่ว สะโพกกระชับ เครดิต bewtychic เลือกใช้แป้งแบบไหนดี ?เลือกใช้แป้งแบบไหนดี ?
ด้วยวิทยาการที่ก้าวหน้าของโลกปัจจุบัน ทำให้มีแป้งแต่งหน้าอยู่มากมายหลายชนิดจนอาจสร้างความสับสนให้กับคุณได้ เราเลยขอมาไขความกระจ่างเกี่ยวกับแป้งแต่ละชนิด เพื่อที่คุณจะได้เลือกหาให้ตรงกับความต้องการของคุณจริง ๆ แป้งตลับหรือแป้งแข็ง มักเป็นแป้งที่ผสมรองพื้นมาให้เสร็จสรรพ และสะดวกต่อการพกพาไปไหนต่อไหน แต่คุณก็ต้องระวังไว้ด้วย เพราะถ้าทาแป้งชนิดนี้มากเกินไป ก็อาจทำให้ดูหนาเตอะและขาวเว่อร์ได้ แป้งโปร่งแสง จะมีลักษณะเป็นแป้งฝุ่นสีขาวๆ ที่ทาแล้วแทบมองไม่เห็น จึงเหมาะจะใช้ทาให้ทั่วใบหน้าด้วยแปรงแต่งหน้าหรือพัฟฟ์นุ่มๆ บางชนิดอาจจะมีการเจือสีสันมาด้วย โดยมากมักเป็นสีอมชมพูหรืออมเหลือง ซึ่งเราขอแนะนำให้ใช้สีอมเหลือง เพราะจะช่วยให้ทุกสีผิวดูสวยขึ้นได้ดีกว่าสีอมชมพู แป้งฝุ่น จะมีให้เลือกหลายเฉดสี ซึ่งเหมาะจะใช้คู่กับครีมรองพื้นที่มีเฉดสีเดียวกัน ซึ่งควรใช้ทาบาง ๆ ด้วยแปรงแต่งหน้าหรือพัฟฟ์เหมือนกัน ที่มาจาก นิตยสาร Lisa เรามีเครื่องสำอางเกาหลีแนะนำค่ะ มีสินค้าหลายตัวที่น่าสนใจ www.bewtychic.com link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี , มะนาวเปรี้ยวแบบมีประโยชน์ เครดิต bewtychic เทคนิคแต่งหน้าดี ๆ แก้ไขจุดบกพร่องเทคนิคแต่งหน้าดี ๆ แก้ไขจุดบกพร่อง
เดี๋ยวนี้แก้ไขรูปหน้าที่บกพร่องไม่ใช่เรื่องยากสำหรับสาว ๆ เพียงรู้เทคนิคแต่งหน้าดี ๆ ก็สวยได้โดยไม่พึ่งต้องศัลยกรรม ใต้ตาดูหมองคล้ำไม่สดใส ลองใช้ไฮไลท์ผสมประกายมุก เกลี่ยบริเวณรอบดวงตา ริมฝีปากบาง ควรใช้ลิปลายเนอร์เขียนเพิ่มขนาดรูปปาก ก่อนลงลิปสติกสีเดียวกันให้ทั่ว สาวแก้มเยอะ ใช้เฉดดิ้งสีน้ำตาลปัดไล้ใต้แนวโหนกแก้มและแนวกราม เพื่อให้ใบหน้าได้สัดส่วนขึ้น สุดท้ายปัดไฮไลท์สีสว่างที่หน้าผาก สันจมูก ปลายคาง และโหนกแก้ม ซึ่งถือเป็นจุดรับแสง จะช่วยให้หน้าดูสว่างสดใสขึ้น A. จมูก จมูกแบน แตะคอนซีลเลอร์สีเข้มกว่าผิวจริงบริเวณร่องจมูก (ระหว่างปีกจมูกและสันจมูก) ไล่ขึ้นไปจนถึงช่วงกลางจมูก จากนั้นใช้ไฮไลท์สีสว่างไล้จากปลายจมูกขึ้นไปเพื่อให้เห็นสันจมูกชัดขึ้น วิธีนี้จะทำให้จมูกดูโด่งอย่างเป็นธรรมชาติมากกว่าการใช้อายแชโดว์สีน้ำตาล ไล้บริเวณข้างสันจมูก จมูกโด่งเป็นสันเกินไป จมูกโด่งเกินไปใช่ว่าจะดี เพราะจะทำให้หน้าดูแข็ง ลองแตะคอนซีลเลอร์สีอ่อนบริเวณด้านข้างจมูกไล่ลงมาจนถึงปีกจมูก จากนั้นปัดแป้งสีเข้มกว่ารองพื้น 1 เบอร์ที่สันจมูกเบาๆ จมูกใหญ่หรือปีกจมูกใหญ่ แตะคอนซีลเลอร์สีเข้มกว่ารองพื้น 1 2 เบอร์ ที่ข้างสันจมูกทั้งสองข้างเล็กน้อย สีเข้มของคอนซีลเลอร์จะช่วยให้จมูกดูเล็กลง อาจปัดไฮไลท์ที่สันจมูกช่วยให้จมูกดูสมส่วนยิ่งขึ้น B. แก้ม แก้มเยอะ เริ่มจากหาตำแหน่งโหนกแก้มโดยการยิ้ม แล้วปัดบลัชออนบริเวณจุดสูงสุดของโหนกแก้มไล่เฉียงขึ้นไปถึงแนวขมับ แล้วปัดเฉดดิ้งจากข้างใบหูไล่มาตามแนวใต้กระดูกแก้ม เพื่อให้หน้าแลดูตอบลง Tip จริงๆ ไม่ควรใช้บลัชออนที่มีความแวววาว เพราะจะทำให้เนื้อแก้มดูมากขึ้น แต่เทรนด์ช่วงนี้เหมาะกับแก้มฉ่ำๆ ดังนั้นแนะนำให้ปัดบลัชออนตามสูตร แล้วเติมบลัชออนเนื้อวาวเฉพาะโหนกแก้มด้านบนเล็กน้อยก็พอ แก้มตอบ บลัชออนเนื้อครีมหรือแบบผสมกลิตเตอร์เหมาะกับสาวแก้มตอบที่สุด เพราะความแวววาวจะทำให้แก้มดูมีเนื้อขึ้นเวลาโดนแสง ปัดเป็นวงกลมโดยเน้นให้สีเข้มที่สุดบริเวณโหนกแก้ม แล้วค่อยๆเกลี่ยสีให้กระจายออกไปยังไรผม C. ตา ตาเล็ก ไล้อายแชโดว์สีอ่อนให้ทั่วเปลือกตา แล้วใช้อายแชโดว์สีเข้มสร้างมิติให้ดวงตา โดยเริ่มเกลี่ยสีจากหางตาไล่ตามแนวกระบอกตา ให้น้ำหนักสีเข้มบริเวณสุดอยู่ที่ปลายหางตา ไล้ให้สีอ่อนลงเรื่อยๆจนถึงหัวตา สุดท้ายปัดไฮไลท์ที่หัวตาและโหนกคิ้ว แล้วเพิ่มความคมเข้มด้วยการเขียนอายไลเนอร์เส้นหนาที่ขอบตาบน หรือถ้าอยากตามเทรนด์ญี่ปุ่นจะเขียนขอบตาล่างด้วยก็ได้ นอกจากการดัดขนตาแล้ว มาสคาราก็ช่วยสาวหมวยได้เยอะ โดยเฉพาะการปัดขนตาล่าง Tip สำหรับสาวตาชั้นเดียวหรือชั้นตาหลบ การติดขนตาปลอมจะช่วยให้เห็นชั้นตาชัดและดูตาโตขึ้นได้จนคุณเองยังแปลกใจ ตาตก สาวๆสามารถแต่งตาได้ตามปกติ แต่เพิ่มน้ำหนักสีช่วงหางตา ด้วยการไล้อายแชโดว์สีเข้มชิดขอบตาบนโดยเกลี่ยสีช่วงหางตาให้ฟุ้งขึ้น จากนั้นกรีดอายไลเนอร์บริเวณหางตาให้เป็นรูปตัววี แค่นี้ก็ช่วยได้เยอะแล้ว ตาโปน ตาลักษณะนี้สามารถแต่งแบบสโมกกี้อายส์ที่ฮิตๆกันได้สบาย เพราะอายแชโดว์สีเข้มจะทำให้ดวงตาดูเล็กลง อาจใช้แปรงขนาดเล็กแตะอายแชโดว์สีเข้มอย่างสีดำ น้ำตาล หรือน้ำเงิน ลงเพิ่มที่ขอบตาล่างโดยไล่จากหางตาเข้ามาถึงกึ่งกลางตา D. ปาก ริมผีปากบาง ใช้ดินสอเขียนขอบปากสีเดียวกับลิปสติก เขียนให้ริมฝีปากใหญ่กว่าจริงเล็กน้อย แล้วค่อยลงลิปสติกเนื้อแวววาวก่อนเพิ่มความอวบอิ่มด้วยลิปกลอสอีกครั้ง ริมฝีปากหนา เพื่อให้ง่ายต่อการสร้างเส้นริมฝีปากใหม่ ควรลงรองพื้นทับริมฝีปากจนทั่วก่อน จากนั้นใช้ดินสอเขียนขอบปากวาดให้มีความหนาน้อยกว่าที่เป็นอยู่ จากนั้นเลือกใช้ลิปสติกสีเข้มลงให้ทั่วริมฝีปาก ควรระวังลิปสติกสีอ่อนหรือมีความวาว เพราะจะทำให้ริมฝีปากยิ่งดูหนาไปกันใหญ่ Tip ระวังอย่าสร้างเส้นริมฝีปากใหม่ต่างจากเส้นจริงมากนัก ไม่อย่างนั้นจะดูไม่แนบเนียนจนคนอื่นจับได้ ที่มาจาก สุดสัปดาห์ link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี , วิธีดูแลรอบดวงตา เมื่อใต้ตาหมองคล้ำ เครดิต bewtychic วิธีโกนขน ใต้วงแขนให้ดูเกลี้ยงเกลาวิธีโกนขน ใต้วงแขนให้ดูเกลี้ยงเกลา
การโกนขนรักแร้นั้นเป็นภารกิจที่สร้างความรำคาญใจให้สาวๆ หลายคนอยู่ไม่น้อย แต่ถ้าคุณใช้เทคนิคที่เราได้รวบรวมมาฝากนี้ ก็จะช่วยให้คุณโกนขนใต้วงแขนให้ดูเกลี้ยงเกลาได้ง่ายขึ้น ทำเป็นขั้นตอนสุดท้าย โกนขนใต้วงแขนเป็นสิ่งสุดท้ายในระหว่างที่คุณอาบน้ำ เพราะน้ำอุ่นจะช่วยให้ขนหยาบๆ ในบริเวณนั้นนิ่มลง คุณจึงสามารถโกนขนได้ง่ายขึ้น ขัดก่อนโกน คุณต้องไม่ลืมกำจัดคราบผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายที่ติดอยู่ในบริเวณผิวใต้วง แขนออกไปให้หมดในขณะอาบน้ำ โดยใช้ผลิตภัณฑ์ขัดผิวกาย เพื่อให้สามารถโกนขนออกมาได้อย่างเรียบเนียน เลือกใบมีดแบบปรับองศาได้ และมีใบมีดหลายอัน จะทำให้โกนเสร็จได้เร็วขึ้น และไม่ต้องลากมีดโกนลงบนส่วนที่ไวต่อความรู้สึกซ้ำแล้วซ้ำอีก ซึ่งอาจจะยิ่งสร้างความระคายเคืองมากขึ้นได้ หลังจากทาครีมโกนขนลงไปเรียบร้อยแล้ว ก็ยกแขนขึ้นสูงๆ แล้วเริ่มต้นโกน โดยลากมีดโกนขึ้นข้างบนลงข้างล่าง และจากข้างหนึ่งไปยังอีกข้างหนึ่ง การทำให้ผิวตรงนั้นตึงก็จะช่วยให้คุณโกนได้ชิดผิวหนังมากขึ้น ล้างใบมีดโกนบ่อยๆ ในระหว่างการโกน จะช่วยให้โกนได้เรียบเนียน เพราะไม่มีอะไรอุดตันในใบมีด อย่าให้ทื่อ คุณต้องแน่ใจว่าใบมีดโกนยังมีความคมกริมอยู่ในทุกครั้งที่โกน ฉะนั้น ถ้าพบว่าใบมีดโกนทื่อแล้วก็ควรเปลี่ยนทันที และพยายามอย่าใช้มีดโกนอันเดิมเกินสองถึงสามครั้ง ที่มาจาก Lisa link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี , วิธีดูแลใบหน้าให้สวยใสไร้สิว เครดิต bewtychic บำรุงสภาพผิวสวยด้วย อะโวคาโด บำรุงสภาพผิวสวยด้วย อะโวคาโด
อะโวคาโด (Avocado) เป็น ผลไม้ที่ปลูกมากในอเมริกา ซื้อกันได้ไม่ยากตามซุปเปอร์มาเก็ตชั้นนำทั่วไป ผลของอะโวคาโดอุดมสมบูรณ์ไปด้วยวิตามินต่างๆ ทั้งวิตามินเอ ดี และอี แร่ธาตุต่างๆ เช่น โปแตสเซียม ซัลเฟอร์ และน้ำมันจากธรรมชาติ อะ โวคาโดเหมาะอย่างยิ่งกับการนำมาเสริมความงามให้กับเรือนผม และใบหน้า เพราะเนื้ออะโวคาโดจะแทรกซึมสู่เส้นผมและผิวหนังได้เป็นอย่างเป็นดี ถ้าเป็นอะโวคาโดสายพันธุ์จากแคลิฟอร์เนีย (California Avocados) จะดีที่สุด เพราะความอุดมสมบูรณ์และความเข้มข้นของน้ำมันที่มีมากกว่าพันธุ์อื่นๆ ตำรับเครื่องสำอางจากผลอะโวคาโด Avocado Facial Cleanser ส่วนผสม : ไข่แดง 1 ฟอง นม 1/2 ถ้วย เนื้ออะโวคาโดบดละเอียด 1/2 ลูก นำไข่แดงมาตีให้เข้ากันจนเป็นฟองแล้วเติมนมและเนื้ออะโวคาโดตามลำดับ ตีให้ส่วนผสมเข้ากันด้วยส้อมจนกลายเป็นเนื้อครีมบางๆคล้ายโลชั่น หลังจากนั้นใช้สำลีแผ่นชุบแล้วเช็ดหน้าให้ทั่วเหมือนที่คุณใช้กับ เคลนเซอร์ทั่วไป สามารถใช้ส่วนผสมนี้หลังจากการล้างหน้าแบบปกติที่ทำอยู่ประจำด้วยสบู่หรือ น้ำ ถ้าคุณเป็นคน มีผิวหน้าธรรมดา สูตรนี้จะช่วยให้ผิวหน้าของคุณปราศจากสิ่งสกปรกต่างๆเป็นอย่างดี เพราะจะเหมาะอย่างยิ่งใน การต่อต้านสิ่งสกปรกและละอองฝุ่นที่แอบเกาะติดมาบนในหน้าของคุณโดยที่คุณไม่ รู้ตัว Dry Skin Masque (สำหรับผิวหน้าแห้ง) ส่วนผสม : ไข่แดง 1 ฟอง และเนื้ออะโวคาโดบดละเอียด 1/2 ลูก นำไข่แดงมาตีให้เข้ากันจนเป็นฟองและตามด้วยการเติมเนื้ออะโวคาโด คนส่วนผสมให้เข้ากัน (ถ้ามีเครื่องปั่นก็สามารถใช้ได้) หลังจากมีใบหน้าที่สะอาดหมดจดแล้วก็นำส่วนผสมทั้งหมดมาพอกหน้าพอกคอ ให้ทั่ว ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที เมื่อครบเวลาให้ล้างออกด้วยน้ำอุ่น เช็ดด้วยผ้าแห้งและล้างหน้าด้วย น้ำเย็น ผลที่ได้ก็คือผิวหน้าที่เรียบเนียนขึ้นและการมีใบหน้าที่ดูดีมีชีวิตชีวา ขึ้น Oily Skin Masque (สำหรับผิวหน้ามัน) ส่วนผสม : ไข่ขาว 1 ลูก น้ำมะนาว 1 ช้อนชา และเนื้ออะโวคาโด 1/2 ลูก นำส่วนผสมทั้งหมดมารวมกันในเครื่องปั่น ปั่นจนเนื้อเข้ากัน 2 วินามีก็จะได้ส่วนผสมสีเขียวที่ งดงามน่านำมาพอกหน้ายิ่งนัก นำส่วนผสมทั้งหมดที่ได้มาพอกใบหน้าและลำคอที่สะอาด ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่นๆ เช็ดด้วยผ้าแห้ง เท่านี้ใบหน้าที่ปราศจากความมัน Avocado Moisturizer หลังจากขั้นตอนการชำระล้างใบหน้าให้สะอาดและพอกหน้าให้สดใสแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการทามอยสเจอร์ไรเซอร์ (Moisturizer) โดย การใช้เปลือกอะโวคาโดแกะเอาเนื้อไปแล้วอย่าทิ้งเปลือกไปด้วยเพราะ เปลือกจะอุดมด้วยน้ำมันอันทรงคุณค่าอยู่ภายในนั้นมีประโยชน์มากไม่น้อยไป กว่าเนื้ออะโวคาโดเลย เพราะน้ำมันในเปลือกที่มีสารห่อหุ้มความชุ่มชื้นอยู่อย่างเต็มเปี่ยมจะช่วย ให้ผิวหน้ารู้สึกถึงสดชื่น เพียงนำเปลือกอะโวคาโดมาถูบนใบหน้าในแนวขึ้นและนวดหน้าด้วยเปลือกอย่างแผ่ว เบา ทิ้งให้น้ำมันซึมซาบสู่ใต้ผิวประมาณ 15 นาที หากทำก่อนนอนก็สามารถทิ้งไว้อย่างนั้นไปได้ทั้งคืนโดยไม่ต้องล้าง ออก แต่ถ้าต้องไปนอกบ้านพร้อมการแต่งหน้า แค่ล้างหน้า 3 – 4 ครั้งด้วยน้ำอุ่น แล้วเช็ดหน้าให้แห้ง แล้วก็แต่งหน้าได้ตามปกติ Eye Treatment อะ โวคาโดมีประสิทธิภาพที่จะทำให้รอยหมองคล้ำต่างๆ เจือจางไปได้โดยปลอกเปลือก เอาเมล็ดออกและเฉือนเนื้ออะโวคาโดให้เป็นรูปเหมือนดวงจันทร์เสี้ยว 2 – 3 ชิ้นต่อ ดวงตาแต่ละข้าง นำมาแปะไว้ที่ดวงตา 20 นาที ก็ทำให้ดวงตาไร้รอยช้ำ และรอยหมองคล้ำจางลงได้ ที่มาจาก สสส. link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี , 17 เรื่องน่ารู้ คู่ความงาม เครดิต bewtychic ป้องกัน ผมม้า เป็นมันเยิ้มป้องกัน ผมม้า เป็นมันเยิ้ม
ถ้าคุณเป็นสาวผมมัน ที่มักพบกับปัญหาความมันเยิ้มที่ลุกลามมาถึงผมม้าหรือผมปรกหน้าของคุณ ก็ถึงเวลาที่คุณต้องจัดการกับความมันเยิ้มนั้นแล้วล่ะ เพราะถ้าปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปก็อาจนำไปสู่สิวอุดตันหรือหรือสิวอักเสบ บริเวณแนวเส้นผมหรือหน้าผากได้ และนี่คือวิธีง่ายๆ ในการป้องกัน สระเฉพาะผมม้า ถ้าผมม้าเป็นมันมากก่อนการสระผม ก็สระเฉพาะผมหน้าม้าเพื่อให้มันสะอาดอยู่เสมอ
link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสําอางเกาหลี , 17 เรื่องน่ารู้ คู่ความงาม เครดิต bewtychic ผมสวยด้วยพลังธรรมชาติผมสวยด้วยพลังธรรมชาติ
ผมเปรียบเหมือนเครื่องประดับชิ้นสำคัญ ที่บ่งบอกถึงรสนิยม บุคลิก และความรู้สึก เพียงแค่เปลี่ยนทรงผมก็เปลี่ยนอารมณ์และสไตล์การแต่งตัวได้ไม่รู้จบ เส้นผมจึงมักต้องสัมผัสกับสารสังเคราะห์ในการดัด ย้อม หรือจัดแต่งทรงนานาชนิด และอาจสะท้อนความอ่อนแอออกมาด้วยการขาดหลุดร่วง ไร้ความเงางามในที่สุด หากใครเริ่มมองเห็นสัญญาณอ่อนล้าเหล่านี้แล้ว ลองให้โอกาสเส้นผมได้ลาพักร้อนจากสารเคมีแล้วซึมซับพลังฟื้นฟูจากธรรมชาติ ทั้งภายในและภายนอกดูสิค่ะ ทานแบบนี้สิ..ผมสวย แม้ ผลิตภัณที่ใช้กับเส้นผมจะดีแค่ไหน ก็ยังไม่สำคัญเท่าการใส่ใจ เลือกทานอาหาร เพราะแท้จริงแล้วปัจจัยของผมสวยมาจากภายใน การประโคมผลิตภัณฑ์บำรุงผมที่ภายนอกอาจช่วยได้แค่ระดับหนึ่ง แต่หากเลือกสารอาหารที่เหมาะเข้าสู่ร่างกายแล้ว เส้นผมก็จะสะท้อนผลลัพธ์ที่ส่องประกายสุขภาพดี จนใครๆจับตามองค่ะ เติม ชีวิตชีวาให้เส้นผมด้วยการทานโปรตีนจาก ไข่ ปลาทะเล เต้าหู้ งา นมวัว และนมถั่วเหลือง หากกำลังควบคุมน้ำหนักจะเลือกแบบพร่องไขมันก็ได้ค่ะ ดี ท็อกซ์ร่างกายด้วยการเปลี่ยนจากเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนและแอลกอฮอล์มาเป็น เครื่องดื่มที่อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระอย่างชาเขียว และเปลี่ยนจากของว่างโซเดียมสูงอย่างขนมทอดกรุบกรอบมาเป็นของว่างประเภท ธัญพืชอัดแท่งหรือขนมปังโฮลวีทที่มีวิตามินสูงจะดีกว่า เพราะอัดแน่นไปด้วยสารอาหารที่ผมต้องการทั้งนั้น วิตามิน A B C E ที่จำเป็นต่อเส้นผมและหนังศีรษะ วิตามิน A ช่วยต้านอนุมูลอิสระได้ดีแถมยังช่วยให้การผลิตไขมันที่ปกคลุมหนังศรีษะหรือ ซีบัม(Sebum)มีความสมดุล ไม่มันเกินไป จนเสี่ยงต่อผมหลุดร่วงง่าย มีมากใน น้ำมันตับปลา ผักผลไม้สีแดง เหลือง ส้ม เขียวเข้ม อาทิ ตำลึง คะน้า แครอท ผักโขม แคนตาลูป วิตามิน B เสริมสุขภาพหนังศีรษะให้แข็งแรงช่วยป้องกันผมหลุดร่วงและผมหงอกก่อนวัย มีมากใน เนื้อสัตว์ ไข่ ตับ นมวัว ธัญพืชไม่ขัดสี จมูกข้าวสาลี ถั่วเหลืองและผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองต่างๆ วิตามิน C ช่วยในการดูดซึมแร่ธาตุที่จำเป็นสำหรับเส้นผม และยังมีส่วนสำคัญในการบำรุงรักษาเส้นเลือดฝอยให้แข็งแรง นำพาโลหิตและสารอาหารต่างๆไปหล่อเลี้ยงรูขุมขนบนหนังศีรษะได้ดียิ่งขึ้น มีมากใน ผักผลไม้หลากชนิด อาทิ มะเขือเทศ บรอคโคลี คะน้า ฝรั่ง ส้ม มะละกอ และผลไม้ตระกูลเบอร์รี่เปรี้ยวทั้งหลาย วิตามิน E ดีต่อระบบไหลเวียนโลหิต ทั่วร่างกายรวมถึงหนังศีรษะ เสริมสร้างเส้นผมให้ขึ้นใหม่ได้เร็วและแข็งแรงมีมากใน น้ำมันมะกอก จมูกข้าวสาลี เมล็ดทานตะวัน ถั่วเปลือกแข็ง อโวคาโด และมะม่วง เสริมแร่ธาตุด้วยสาหร่ายมากคุณประโยชน์อย่าง Spirulina เพราะมีทั้งโปรตีน และแร่ธาตุมากมายที่จำเป็นต่อผมสวยอย่าง ไอโอดีน สังกะสีและซิลิก้า ช่วยให้สารอาหารไปหล่อเลี้ยงหนังศีรษะได้อย่างเพียงพอ เส้นผมจึงยึดแน่นไม่หลุดร่วงง่ายและสขภาพดี เป็นประกายเงางาม ที่มาจาก DHC monthly magazine link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสําอางเกาหลี , ขัดผิวด้วย ขิงและงา เครดิต bewtychic สูตรเด็ดบอกลา เซลลูไลท์สูตรเด็ดบอกลา เซลลูไลท์
85% ของผู้หญิงตะวันตกเมื่อขยุ้มเนื้อขึ้นมาพบว่าจะเห็นรอยนูนๆ ที่เรียกว่า ผิวเปลือกส้มหรือเซลลูไลท์หรือที่รู้จักกันว่าก้อนเนื้อขรุขระที่อยู่รอบต้นขาและก้น ตามทฤษฎีกล่าวว่าเซลลูไลท์เป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงของไขมันที่สะสมอยู่ใต้ ผิวหนัง เมื่อชั้นบางๆของเนื้อเยื่อระหว่างเซลล์ไขมันเปลี่ยนเป็นเส้นๆและรวมตัวกัน อยู่รอบๆ ไขมัน เป็นสาเหตุให้เกิดรอยบุ๋มเล็กๆ ซึ่งเป็นสัญญาณว่าเซลล์ลูไลท์เล่นงานคุณแล้ว ดู เหมือนเซลลูไลท์มีส่วนเกี่ยวพันอย่างแยกไม่ออกกับผลของฮอร์โมนในร่างกายโดย เฉพาะเอสโตรเจน ดังนั้นเมื่อระดับฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน เช่น ช่วงเริ่มมีประจำเดือนของวัยรุ่น ช่วงตั้งครรภ์ โดยเฉพาะในช่วงวัยทอง เหล่านี้ล้วนก่อให้เกิดเซลล์ลูไลท์มากขึ้น เรามาดูวิธีต่างๆ ที่ช่วยสลายเซลลูไลท์กันค่ะ การควบคุมอาหาร การ หันไปทานอาหารที่มีไขมันต่ำ เช่น ผักและผลไม้ จะช่วยลดสารพิษและกำจัดไขมันที่จับตัวอยู่ในเนื้อเยื่อผิว ควรทานผักผลไม้สดและอาหารจำพวกโฮลเกรนมากๆ ห้ามเด็ดขาดสำหรับกาแฟ น้ำอัดลม บุหรี่ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การดื่มน้ำมากๆ เป็น เพราะจะช่วยขจัดสารพิษที่ไม่พึงปรารถนาออกจากร่างกาย การนวด ไม่ เพียงช่วยให้รู้สึกสบายตัวได้อย่างน่าอัศจรรย์เท่านั้น การนวดยังช่วยกำจัดเซลลูไลท์ด้วยการบีบกดกล้ามเนื้อ และกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตตลอดจนระบบน้ำเหลืองที่จะทำให้เนื้อเยื่อไขมัน แตกตัว โดยสามารถนวดเองได้ เริ่มจากนวดเบาๆที่ขาแต่ละข้างสัก 2-3 นาที เพื่อให้ไขมันแตกตัวและกำจัดสารพิษ หากต้องการนวดตั้งแต่หัวจรดเท้า ให้ใช้วิธีที่เรียกว่า Endermologie cellulite treatment เป็นเครื่องมือสำหรับดูดและกลิ้งบนผิวหนังเพื่อให้ผิวหนังกระชับ แต่มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงค่ะ การออกกำลังกาย จะ ช่วยสูบฉีดออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกาย ทำให้เลือดไหลเวียนดี ช่วยให้ผิวที่เป็นลอนหยักขรุขระ ซึงเกิดจากเซลล์ลูไลท์หายไป ช่วยให้กล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อรอบๆผิวที่เป็นลอนหยักกระชับแข็งแรงขึ้น เซลล์ลูไลท์หายไป การปัดแปรงผิว การ ใช้แปรงนวดหรือถุงมือขัดผิวเป็นประจำวันละ 2 นาที จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและสลายเซลลูไลท์ เริ่มจากเท้าและให้ปัดแปรงผิวในทิศทางที่มุ่งเข้าสู่หัวใจ การห่อตัว ส่วน ใหญ่เราสามารถใช้บริการวิธีนี้ได้ตามสปา การห่อตัวจะใช้ผ้าเปียกที่มีส่วนผสมของสมุนไพรและสาหร่างทะเลที่จะช่วยให้ ผิวชุ่มชื่นมีชีวิตชีวา และขจัดสารพิษจากผิว โดยจะห่อตั้งแต่หน้าอกไปจนถึงนิ้วเท้า ทิ้งไว้หนึ่งชั่วโมง โดยสรรพคุณของแร่ธาตุที่อยู่ในผ้าห่อตัวจะทำหน้าที่สลายเซลลูไลท์ หลังจากเอาผ้าห่อตัวออกแล้วนวดจะช่วยให้โลหิตหมุนเวียนดีค่ะ ข้อมูลจาก นิตยสาร Health plus link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสําอางเกาหลี , ปัญหา ส้นเท้าแตก เครดิต bewtychic ลบริ้วรอยด้วย วิตามินซีลบริ้วรอยด้วย วิตามินซี
เพิ่มประสิทธิภาพให้แก่อายครีมของคุณ ด้วยการผสมน้ำร้อน 1/2 ช้อนชากับวิตามินซี 1 เม็ด ปล่อยทิ้งไว้ให้เย็นก่อนนำมาผสมกับอายครีมของคุณ แล้วนำมาแตะแต้มบริเวณใต้ตาเบาๆ ก็จะช่วยลดเลือนริ้วรอยให้คุณได้ ถ้าคุณใช้อย่างต่อเนื่อง link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสําอางเกาหลี , สลายเซลลูไลท์….ใครว่ายาก เครดิต bewtychic เทคนิคมีพวงแก้ม สวยสดใสเทคนิคมีพวงแก้ม สวยสดใส
นอกจากการเลือกบลัชออนสีชมพูระเรื่อสดใสให้พวงแก้มแล้ว อุปกรณ์ในการปัดแก้มก็มีความสำคัญไม่น้อย ลองเลือกแปรงปัดแก้มขนาดเหมาะมือที่มีน้ำหนักพอดี ไม่หนักหรือเบาจนเกินไป ลองจับดูว่าเมื่อใช้ในการปัดแก้มสามารถมอบน้ำหนักของสีสันได้พอดีในการปัด เพียงไม่กี่ครั้ง เลือกชนิดที่ทำจากขนสัตว์ธรรมชาติจะให้สัมผัสที่อ่อนโยนต่อผิว ไม่สร้างความระคายเคือง แต่ถ้าคุณชอบ บลัชออนเนื้อครีม แนะให้ใช้นิ้วกลางหรือนิ้วนางในการแตะเนื้อครีม เพื่อให้น้ำหนักนิ้วที่พอเหมาะมากกว่านิ้วชี้ที่อาจให้น้ำหนักกดที่มากเกิน ไปจนสีแก้มไม่ดูระเรื่อแบบธรรมชาติ ที่มาจาก นิตยสารคู่หูเดินทาง link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสําอางเกาหลี , อำพรางตาคล้ำ เครดิต bewtychic ลวดลายกราฟิกบนเล็บ ทำเองได้ง่ายสุดๆลวดลายกราฟิกบนเล็บ ทำเองได้ง่ายสุดๆ
ขอแนะนำลวดลายกราฟิกบนเล็บ แบบที่ทำเองได้ง่ายสุดๆ ทั้งสองแบบเริ่มจากเคลือบเล็บด้วย Base Coat แล้วตามด้วยยาทาเล็บสีชมพูทุกนิ้ว รอให้แห้งสนิท 45 Degree Nails เคล็ด ลับของลุคนี้อยู่ที่การกะระยะพื้นที่แต่ละด้านให้เท่ากันพอดี โดยเวลาป้ายจากมุมโคนเล็บไปถึงมุมปลายเล็บด้านตรงข้ามพยายามให้มือนิ่งที่ สุด ขั้นตอนสุดท้ายของการแต่งเล็บ อย่าลืมเคลือบเล็บด้วยTop Coat เพื่อให้เล็บดูเงางามและติดทนนาน Block Nails เคล็ด ลับของ Block Nail อยู่ที่การกะระยะให้เท่ากันทั้งสามสีที่ปลายเล็บ วิธีง่ายๆ คือ แต้มยาทาเล็บความกว้างขนาด 1 หัวแปรง ไล่จากขอบเล็บด้านใดด้านหนึ่งเข้าไป เลือกสีตามใจชอบ หรือลองแมทช์ 2 – 3 สีเข้าด้วยกัน (ขอแนะนำว่าคู่สีที่มาแรงคือ แดง – ส้มน้ำเงิน – ขาว และม่วง – ชมพู) link ที่้เกี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี , ทริคเด็ด “กระชับต้นแขน เครดิต bewtychic แป้งแบบไหน…ใช่สำหรับคุณแป้งแบบไหน…ใช่สำหรับคุณ
“ผู้หญิง” อย่างเราไม่ว่าใครก็อยากมีใบหน้าที่สวยเนียนเรียบ ปราศจากความมันตลอดวันด้วยกันทั้งนั้น เป็น ไหมคะที่ใบหน้าของเรานั้นดูสวยเนียนในตอนเช้า แต่พอถึงช่วงบ่ายนี่สิ กลับมันเยิ้มไปได้ ปัญหาคาใจเหล่านี้ จะ หมดไป หากคุณสาวๆ รู้จักเลือกใช้แป้งให้เหมาะสมกับกิจวัตรประจำวันค่ะ เพราะว่าแป้งที่ทา จะช่วยให้คุณ สามารถรับมือกับปัญหาหน้ามันได้เป็นอย่างดี แถมยังช่วยให้เมกอัพอื่นๆ เช่น อายแชโดว์ บลัชออน คิ้ว ที่เราแต่ง แต้มลงบนใบหน้าติดทนไม่ลบเลือนตลอดทั้งวัน ทั้งยังช่วยให้ใบหน้าของเราดูสดใส ไม่มันวาวอีกด้วย วันนี้ women.mthai ขอเสนอเคล็ดลับในการเลือกแป้งสำหรับคุณสาวๆ โดยแป้งเมย์เบลลีน จากนิวยอร์ก มา ฝากกันค่ะ มาทำความรู้จักชนิดของ “แป้ง” กันก่อนค่ะ แป้งอัดแข็งหรือแป้งฝุ่น แป้งชนิดนี้มีเนื้อที่บางเบา จึงไม่ได้ช่วยในเรื่องของการปกปิดริ้วรอยใด ๆ จะเน้นให้ ใบหน้าดูเนียนใส เป็นธรรมชาติ และไม่มันวาวมากกว่า แป้งผสมรองพื้น จะมีส่วนผสมของรองพื้น ซึ่งช่วยปกปิดจุดบกพร่องต่าง ๆ บนใบหน้า และทำให้ใบหน้าดู เนียนสวย แป้งผสมครีมรองพื้น เป็นแป้งที่เพิ่มระดับของครีมรองพื้นลงไปในเนื้อแป้ง จึงช่วยให้ผิวดูสวยเนียนสนิท ปก ปิดจุดบกพร่องต่าง ๆ รวมถึงรูขุมขนที่เห็นได้ ชัดได้เป็นอย่างดี แล้ว “แป้ง” แบบไหนล่ะที่เหมาะกับคุณ หากคุณเป็นสาวชิวชิว…หรืออยู่ในวันพักผ่อนสบาย ๆ แป้งอัดแข็งไม่ผสมรองพื้นเหมาะที่สุดค่ะ เพราะทาแล้ว ผิวหน้าจะดูเนียน บางใส เป็นธรรมชาติ ข้อแนะนำคือ ควรใช้ควบคู่กับรองพื้นชนิดครีมเนื้อเบา เพราะเนื้อแป้งจะ หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับผิวได้เป็นอย่างดี หากคุณเป็นสาวกระฉับกระเฉง…ต้องการความมั่นใจในช่วงวันทำงาน แป้งผสมรองพื้นเป็นแป้งอัดแข็งที่บรรจุ อยู่ในตลับคือคำตอบค่ะ ใช้กับพัฟฟ์ฟองน้ำ ข้อดีของแป้งชนิดนี้คือ นอกจากจะช่วยให้ใบหน้าเนียนสวยตั้งแต่ทา ครั้งแรกแล้ว ยังสามารถใช้เติมระหว่างวันให้ใบหน้าดูนวลเนียน และพกพาได้สะดวกอีกด้วย หากคุณเป็นสาวฮอต…ต้องสวยเนียนสุด ๆ ตั้งแต่เช้าจรดค่ำเพื่อพร้อมเสมอสำหรับงานปาร์ตี้ ต้องใช้แป้งผสม ครีมรองพื้น เพราะมอบผลลัพธ์ผิวเนียนสนิท ปกปิดทุกรูขุมขนได้ตลอดวัน และทำให้ผิวดูนุ่มนวล เนื้อหาจาก : ไทยโพสต์ link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี , ขนตาสวยขึ้นด้วย มาสคาร่า เครดิต bewtychic วิธีป้องกันการเกิด เส้นเลือดขอด
|
|
ความรู้เรื่องการใช้สบู่อาบน้ำ
ความรู้เรื่องการใช้สบู่อาบน้ำ
ประเทศไทยเป็นเมืองร้อนหลายคนอาบน้ำวันละมากกว่า 1 ครั้ง สมัยก่อนมีสบู่ก้อนแต่เพียงอย่างเดียว สมัยนี้มีสบู่นานาชนิด มีปัญหาที่ต้องถามกันว่า สบู่เหล่านี้มีดีมากดีน้อย เปรียบเทียบกันอย่างไร
ความรู้จากวารสารสนองโอฐสภากาชาดไทย ISSN 0125-5851 ให้ความรู้ในเรื่องนี้ไว้ดังนี้
การอาบน้ำทำความสะอาดผิวหนังเป็นกิจวัตรที่ทุกคนชื่นชอบ เพราะนอกจากจะช่วยขจัดคราบสกปรกของเหงื่อไคล ไขมันเคลือบผิว เชื้อจุลชีพและฝุ่นที่เกาะหนังขี้ไคล การอาบล้างผิวยังช่วยผ่อนคลายความร้อนและความเครียดได้อีกด้วย หลายคนมีความสุขกับการอาบน้ำ บางคนตกแต่งห้องน้ำอย่างหรูหรา สวยงาม และใช้เวลาในการอาบน้ำนานเป็นพิเศษ จริง ๆ แล้วธรรมชาติของผิวหนังจะมีขบวนการทำความสะอาดแบบอัตโนมัติ โดยการผลัดหนังขี้ไคลออกตลอดเวลา การหลุดร่วงของหนังขี้ไคลจะช่วยกำจัดคราบสกปรกไปในตัว ถ้าเป็นผิวแห้งลื่นคราบสกปรกก็ไม่เกาะติด แต่เนื่องจากผิวมีความมัน อีกทั้งยังมีการใช้เครื่องสำอางซึ่งช่วยส่งเสริมให้คราบฝุ่นละออง เขม่าควันที่อยู่ในบรรยากาศภายนอกเกาะผิวแน่นขึ้นไปอีกจึงจำเป็นต้องมีการชำระล้างออก เพื่อการมีผิวพรรณที่สดใสสะอาดของเรา และผลิตภัณฑ์เพื่อการทำความสะอาดผิวหนังส่วนใหญ่ก็เป็นเครื่องสำอางที่มีมูลค่าสูง มีการพัฒนาสูตรต่าง ๆ ให้ถูกใจผู้บริโภคอยู่ตลอดเวลา มีการโฆษณาลักษณะความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ และนิยมใช้ผู้มีชื่อเสียง บุคลิกดี ผิวสวยเป็นผู้แนะนำสินค้าเพื่อแย่งชิงผู้บริโภค ฉะนั้นก่อนจะใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวเรามาดูกันก่อนดีกว่าว่าจะใช้ผลิตภัณฑ์อะไรจึงจะเหมาะสมกับสภาพผิว มีหลากหลายคำถามเกิดขึ้นเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทำความสะอาดผิว เช่นสบู่ก้อนต่างกับสบู่เหลวหรือโฟมอย่างไร
สบู่ก้อนแบบดั้งเดิม (Soap) ทำจากไขสัตว์หรือไขพืช ทำปฏิกิริยากับด่าง จึงมีฤทธิ์ เป็นด่าง หลายคนอาจเกรงว่าสบู่ก้อนจะระคายผิว ในปัจจุบันสบู่ก้อนอาจได้จากสารสังเคราะห์ (syndet) ซึ่งจะมีความเป็นด่างน้อยลง เดิมจากความเป็นด่าง pH 10-11 เป็น pH 8-9 แต่ ราคาสบู่สังเคราะห์จะแพงกว่า จากการศึกษาพบว่าทั้ง 2 แบบทำให้เกิดความระคายเคืองเท่ากัน
สบู่เหลวเป็นสารสังเคราะห์ ลดแรงตึงผิว (surfactant) จะมี 2 แบบ คือ ลดแรงตึงผิวชนิดประจุลบ (anionic surfactant) เช่น sodium lauryl ether sulfate ซึ่งนิยมใช้ในสบู่เหลวและแชมพูเกือบทุกชนิด และชนิดประจุผสม (amphoteric herfactant) เช่น สาร betaine ซึ่งจะไม่ระคายเยื่อบุผสม อยู่ในสบู่เหลว หรือแชมพูเหลวสำหรับเด็ก สารจะมีฟองน้อยกว่าและราคาแพงกว่า สบู่เหลวมีความเป็นกรดด่างเกือบจะเท่ากับผิวหนัง คือประมาณ pH 5-6
การใช้สบู่ก้อนหรือสบู่เหลวจะชำระล้างคราบสกปรกได้เท่ากัน อาจระคายเคืองผิวได้เหมือนกัน แต่สบู่เหลวอาจทำให้ผิวแห้งเพราะสบู่สัมผัสคราบได้ดีกว่า จึงมีการพัฒนาเป็นโฟม (wash off foam) คือ สบู่เหลวผสมครีมเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น ดังนั้นท่านสามารถเลือกใช้ตามความชอบได้ แต่ราคาสบู่ก้อนจะถูกกว่า
สบู่ไร้ฟองจะทำความสะอาดผิวได้ดีกว่าใช่หรือไม่
ฟองจากสบู่เป็นผลพลอยได้เมื่อเราใช้สบู่ ผู้ผลิตจึงพยายามผลิตสบู่ให้มีฟองมาก ๆ โดยเติมสารเพิ่มฟอง แต่ทฤษฎีฟองกลับขัดขวางการขจัดคราบสกปรก โดยหลักการชำระล้างควรล้างเฉพาะคราบสกปรกออก และเหลือน้ำมันหล่อเลี้ยงผิวให้พอเหมาะ ในสบู่ไร้ฟองเมื่อล้างจนหมดคงทำให้ผิวแห้งเกินไป ในหลายผลิต ภัณฑ์อาจเติมความชุ่มชื้น (moisturizer) ซึ่งก็ไม่เหมือนน้ำมันหล่อเลี้ยงผิวตามธรรมชาติ บางชนิดก่อให้เกิดการแพ้หรืออุดตันรูขุมขนได้ ดังนั้นสบู่มีฟองก็ดีเท่ากับสบู่ไร้ฟอง แถมราคาถูกกว่าด้วย
สบู่ที่มีความเป็นด่างจะระคายเคืองต่อผิวหนังใช่หรือไม่
สบู่ก้อนจะมีฤทธิ์เป็นด่าง ส่วนสบู่เหลวหรือโฟมจะมีความเป็นกรดด่างเท่ากับผิวหนัง ความจริงแล้วผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหนังจะสัมผัสกับผิวหนังของเราในระยะสั้น ๆ เมื่อล้างออกแล้วความเป็นด่างของผิวก็จะกลับคืนสู่ภาวะปกติภายใน 30 นาที ฉะนั้นถ้าผิวหนังเราปกติ ไม่มีบาดแผล ความเป็นกรดด่างของสบู่ก็ไม่ทำให้เกิดการระคายเคืองได้ มีหลายคนชอบใช้สบู่ฤทธิ์กรด เพราะเข้าใจว่าจะช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ ในผิวปกติจริง ๆ แล้วมีเชื้อแบคทีเรียซึ่งทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันเชื้ออื่น ๆ จึงไม่ควรใช้สบู่ฤทธิ์กรดเพราะมักจะระคายผิว
สบู่ซึ่งผสมสารฆ่าเชื้อจุลชีพจะช่วยให้ผิว สะอาดกว่าจริงหรือไม่
เนื่องจากผิวหนังมีเชื้อจุลชีพอาศัยอยู่หลายชนิดอย่างสมดุลทั้งเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา ในภาวะปกติเชื้อเหล่านี้จะทำหน้าที่ป้องกันเชื้อร้ายแบบอื่น ๆ และสร้างสารซึ่งมีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อโรคที่มีอันตรายในสภาพผิวปกติการใช้สารฆ่าเชื้อจึงอาจทำให้ร่างกายเกิดการบกพร่องของความสมดุล สบู่ฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่นิยมใช้กันจะผสมไตรโคซาน (trichosan) อาจใช้ได้ในผิวที่เกิดผื่นคัน ซึ่งมีการเติบโตของเชื้อแบคทีเรียผิดปกติ แต่ควรใช้ในระยะสั้นตามคำแนะนำของแพทย์ ส่วนชนิดที่ผสมสารฆ่าเชื้อรา เช่น คีตาโคนาโซน (ketaconazone) และ ซินส์ ไพริไทออน (Zinc pyrithione) มักผสมอยู่ในแชมพูขจัดรังแค แต่ก็นำมาใช้รักษาสิวหรือเกลื้อนของผิวหนังได้
ควรเลือกใช้สบู่ผสมสารชุ่มชื้นเพื่อป้องกันผิวแห้งใช่หรือไม่
การใช้สบู่ชำระล้างทำความสะอาดผิวควรใช้ให้พอดี ถ้าหลังอาบน้ำเกิดผิวแห้งควรลดปริมาณการใช้สบู่ลง เลี่ยงการอาบน้ำอุ่นจัดหรืออาบน้ำนานเกินควร การใช้สบู่ผสมสารชุ่มชื้นต่าง ๆ อาจช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นได้ โดยลักษณะของสบู่ชนิดนี้ต้องเหลือความลื่นของสาร ซึ่งหลายคนไม่ชอบ ดังนั้นถ้าใช้สบู่ผสมสารเพิ่มความชุ่มชื้นแต่ก็พยายามที่จะล้างออกให้หมด ก็คงไม่มีประโยชน์ที่จะใช้ ทางที่ดีถ้าต้องการให้ผิวชุ่มชื้นไม่แห้ง เมื่อใช้สบู่ที่ผสมสารชุ่มชื้นแล้วก็ล้างออกให้พอดี เมื่อลูบผิวแล้วมีความลื่น ติดอยู่เล็กน้อยไม่ถึงกับขัดถูเสียจนผิวดังเอี๊ยด ถ้าเป็นอย่างนี้ใช้ไปก็ไม่มีประโยชน์จริง ๆ ด้วย
วิตามินหรือสารสกัดซึ่งผสมในสบู่จะช่วยถนอมและบำรุงผิวได้จริงหรือ
เป็นอีกคำถามที่พบอยู่เสมอ ๆ ขอบอกว่า การใช้สารบำรุงผิวจะต้องทาทิ้งไว้อยู่นานพอให้สารซึมผ่านเข้าไปในผิวหนัง แต่ถ้าใช้เพียงชั่วครู่ และต้องล้างออกจึงไม่มีประโยชน์ ถ้าต้องการให้สารสกัดหรือวิตามินซึมผ่านเข้าไปในผิว ควรทาสารสกัดหรือวิตามินหลังการอาบน้ำแต่ก็ยังไม่มีข้อยืนยันว่าสารสกัดหรือวิตามินจะช่วยบำรุงผิวได้จริง
ปัจจุบันการทำความสะอาดผิวกายเพียงเพื่อชำระล้างคราบสกปรกออกจากร่างกายกลายเป็นธุรกิจไปเสียแล้ว เพราะมีการช่วงชิงตำแหน่งผู้นำทางการตลาดกันทุกรูปแบบ เวลาเราเดินในห้างสรรพสินค้าจะเห็นมีผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดมากมายวางเรียงรายให้เลือกซื้อ มีหลายรูปแบบ หลายราคา แต่ถ้าผู้บริโภคมีความเข้าใจในธรรมชาติของผิวหนังว่าผิวหนังของท่านต้องใช้ผลิตภัณฑ์ใดถึงจะทำให้ได้รับประโยชน์สูงสุด ท่านก็จะสามารถเลือกซื้อสินค้าได้ถูกต้องตามความต้องการและสมราคาอีกด้วย.
link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี,สูตรดูแลผม สำหรับหมักผม
เครดิต bewtychic
ประเทศไทยเป็นเมืองร้อนหลายคนอาบน้ำวันละมากกว่า 1 ครั้ง สมัยก่อนมีสบู่ก้อนแต่เพียงอย่างเดียว สมัยนี้มีสบู่นานาชนิด มีปัญหาที่ต้องถามกันว่า สบู่เหล่านี้มีดีมากดีน้อย เปรียบเทียบกันอย่างไร
ความรู้จากวารสารสนองโอฐสภากาชาดไทย ISSN 0125-5851 ให้ความรู้ในเรื่องนี้ไว้ดังนี้
การอาบน้ำทำความสะอาดผิวหนังเป็นกิจวัตรที่ทุกคนชื่นชอบ เพราะนอกจากจะช่วยขจัดคราบสกปรกของเหงื่อไคล ไขมันเคลือบผิว เชื้อจุลชีพและฝุ่นที่เกาะหนังขี้ไคล การอาบล้างผิวยังช่วยผ่อนคลายความร้อนและความเครียดได้อีกด้วย หลายคนมีความสุขกับการอาบน้ำ บางคนตกแต่งห้องน้ำอย่างหรูหรา สวยงาม และใช้เวลาในการอาบน้ำนานเป็นพิเศษ จริง ๆ แล้วธรรมชาติของผิวหนังจะมีขบวนการทำความสะอาดแบบอัตโนมัติ โดยการผลัดหนังขี้ไคลออกตลอดเวลา การหลุดร่วงของหนังขี้ไคลจะช่วยกำจัดคราบสกปรกไปในตัว ถ้าเป็นผิวแห้งลื่นคราบสกปรกก็ไม่เกาะติด แต่เนื่องจากผิวมีความมัน อีกทั้งยังมีการใช้เครื่องสำอางซึ่งช่วยส่งเสริมให้คราบฝุ่นละออง เขม่าควันที่อยู่ในบรรยากาศภายนอกเกาะผิวแน่นขึ้นไปอีกจึงจำเป็นต้องมีการชำระล้างออก เพื่อการมีผิวพรรณที่สดใสสะอาดของเรา และผลิตภัณฑ์เพื่อการทำความสะอาดผิวหนังส่วนใหญ่ก็เป็นเครื่องสำอางที่มีมูลค่าสูง มีการพัฒนาสูตรต่าง ๆ ให้ถูกใจผู้บริโภคอยู่ตลอดเวลา มีการโฆษณาลักษณะความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ และนิยมใช้ผู้มีชื่อเสียง บุคลิกดี ผิวสวยเป็นผู้แนะนำสินค้าเพื่อแย่งชิงผู้บริโภค ฉะนั้นก่อนจะใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวเรามาดูกันก่อนดีกว่าว่าจะใช้ผลิตภัณฑ์อะไรจึงจะเหมาะสมกับสภาพผิว มีหลากหลายคำถามเกิดขึ้นเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทำความสะอาดผิว เช่นสบู่ก้อนต่างกับสบู่เหลวหรือโฟมอย่างไร
สบู่ก้อนแบบดั้งเดิม (Soap) ทำจากไขสัตว์หรือไขพืช ทำปฏิกิริยากับด่าง จึงมีฤทธิ์ เป็นด่าง หลายคนอาจเกรงว่าสบู่ก้อนจะระคายผิว ในปัจจุบันสบู่ก้อนอาจได้จากสารสังเคราะห์ (syndet) ซึ่งจะมีความเป็นด่างน้อยลง เดิมจากความเป็นด่าง pH 10-11 เป็น pH 8-9 แต่ ราคาสบู่สังเคราะห์จะแพงกว่า จากการศึกษาพบว่าทั้ง 2 แบบทำให้เกิดความระคายเคืองเท่ากัน
สบู่เหลวเป็นสารสังเคราะห์ ลดแรงตึงผิว (surfactant) จะมี 2 แบบ คือ ลดแรงตึงผิวชนิดประจุลบ (anionic surfactant) เช่น sodium lauryl ether sulfate ซึ่งนิยมใช้ในสบู่เหลวและแชมพูเกือบทุกชนิด และชนิดประจุผสม (amphoteric herfactant) เช่น สาร betaine ซึ่งจะไม่ระคายเยื่อบุผสม อยู่ในสบู่เหลว หรือแชมพูเหลวสำหรับเด็ก สารจะมีฟองน้อยกว่าและราคาแพงกว่า สบู่เหลวมีความเป็นกรดด่างเกือบจะเท่ากับผิวหนัง คือประมาณ pH 5-6
การใช้สบู่ก้อนหรือสบู่เหลวจะชำระล้างคราบสกปรกได้เท่ากัน อาจระคายเคืองผิวได้เหมือนกัน แต่สบู่เหลวอาจทำให้ผิวแห้งเพราะสบู่สัมผัสคราบได้ดีกว่า จึงมีการพัฒนาเป็นโฟม (wash off foam) คือ สบู่เหลวผสมครีมเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น ดังนั้นท่านสามารถเลือกใช้ตามความชอบได้ แต่ราคาสบู่ก้อนจะถูกกว่า
สบู่ไร้ฟองจะทำความสะอาดผิวได้ดีกว่าใช่หรือไม่
ฟองจากสบู่เป็นผลพลอยได้เมื่อเราใช้สบู่ ผู้ผลิตจึงพยายามผลิตสบู่ให้มีฟองมาก ๆ โดยเติมสารเพิ่มฟอง แต่ทฤษฎีฟองกลับขัดขวางการขจัดคราบสกปรก โดยหลักการชำระล้างควรล้างเฉพาะคราบสกปรกออก และเหลือน้ำมันหล่อเลี้ยงผิวให้พอเหมาะ ในสบู่ไร้ฟองเมื่อล้างจนหมดคงทำให้ผิวแห้งเกินไป ในหลายผลิต ภัณฑ์อาจเติมความชุ่มชื้น (moisturizer) ซึ่งก็ไม่เหมือนน้ำมันหล่อเลี้ยงผิวตามธรรมชาติ บางชนิดก่อให้เกิดการแพ้หรืออุดตันรูขุมขนได้ ดังนั้นสบู่มีฟองก็ดีเท่ากับสบู่ไร้ฟอง แถมราคาถูกกว่าด้วย
สบู่ที่มีความเป็นด่างจะระคายเคืองต่อผิวหนังใช่หรือไม่
สบู่ก้อนจะมีฤทธิ์เป็นด่าง ส่วนสบู่เหลวหรือโฟมจะมีความเป็นกรดด่างเท่ากับผิวหนัง ความจริงแล้วผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหนังจะสัมผัสกับผิวหนังของเราในระยะสั้น ๆ เมื่อล้างออกแล้วความเป็นด่างของผิวก็จะกลับคืนสู่ภาวะปกติภายใน 30 นาที ฉะนั้นถ้าผิวหนังเราปกติ ไม่มีบาดแผล ความเป็นกรดด่างของสบู่ก็ไม่ทำให้เกิดการระคายเคืองได้ มีหลายคนชอบใช้สบู่ฤทธิ์กรด เพราะเข้าใจว่าจะช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ ในผิวปกติจริง ๆ แล้วมีเชื้อแบคทีเรียซึ่งทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันเชื้ออื่น ๆ จึงไม่ควรใช้สบู่ฤทธิ์กรดเพราะมักจะระคายผิว
สบู่ซึ่งผสมสารฆ่าเชื้อจุลชีพจะช่วยให้ผิว สะอาดกว่าจริงหรือไม่
เนื่องจากผิวหนังมีเชื้อจุลชีพอาศัยอยู่หลายชนิดอย่างสมดุลทั้งเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา ในภาวะปกติเชื้อเหล่านี้จะทำหน้าที่ป้องกันเชื้อร้ายแบบอื่น ๆ และสร้างสารซึ่งมีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อโรคที่มีอันตรายในสภาพผิวปกติการใช้สารฆ่าเชื้อจึงอาจทำให้ร่างกายเกิดการบกพร่องของความสมดุล สบู่ฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่นิยมใช้กันจะผสมไตรโคซาน (trichosan) อาจใช้ได้ในผิวที่เกิดผื่นคัน ซึ่งมีการเติบโตของเชื้อแบคทีเรียผิดปกติ แต่ควรใช้ในระยะสั้นตามคำแนะนำของแพทย์ ส่วนชนิดที่ผสมสารฆ่าเชื้อรา เช่น คีตาโคนาโซน (ketaconazone) และ ซินส์ ไพริไทออน (Zinc pyrithione) มักผสมอยู่ในแชมพูขจัดรังแค แต่ก็นำมาใช้รักษาสิวหรือเกลื้อนของผิวหนังได้
ควรเลือกใช้สบู่ผสมสารชุ่มชื้นเพื่อป้องกันผิวแห้งใช่หรือไม่
การใช้สบู่ชำระล้างทำความสะอาดผิวควรใช้ให้พอดี ถ้าหลังอาบน้ำเกิดผิวแห้งควรลดปริมาณการใช้สบู่ลง เลี่ยงการอาบน้ำอุ่นจัดหรืออาบน้ำนานเกินควร การใช้สบู่ผสมสารชุ่มชื้นต่าง ๆ อาจช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นได้ โดยลักษณะของสบู่ชนิดนี้ต้องเหลือความลื่นของสาร ซึ่งหลายคนไม่ชอบ ดังนั้นถ้าใช้สบู่ผสมสารเพิ่มความชุ่มชื้นแต่ก็พยายามที่จะล้างออกให้หมด ก็คงไม่มีประโยชน์ที่จะใช้ ทางที่ดีถ้าต้องการให้ผิวชุ่มชื้นไม่แห้ง เมื่อใช้สบู่ที่ผสมสารชุ่มชื้นแล้วก็ล้างออกให้พอดี เมื่อลูบผิวแล้วมีความลื่น ติดอยู่เล็กน้อยไม่ถึงกับขัดถูเสียจนผิวดังเอี๊ยด ถ้าเป็นอย่างนี้ใช้ไปก็ไม่มีประโยชน์จริง ๆ ด้วย
วิตามินหรือสารสกัดซึ่งผสมในสบู่จะช่วยถนอมและบำรุงผิวได้จริงหรือ
เป็นอีกคำถามที่พบอยู่เสมอ ๆ ขอบอกว่า การใช้สารบำรุงผิวจะต้องทาทิ้งไว้อยู่นานพอให้สารซึมผ่านเข้าไปในผิวหนัง แต่ถ้าใช้เพียงชั่วครู่ และต้องล้างออกจึงไม่มีประโยชน์ ถ้าต้องการให้สารสกัดหรือวิตามินซึมผ่านเข้าไปในผิว ควรทาสารสกัดหรือวิตามินหลังการอาบน้ำแต่ก็ยังไม่มีข้อยืนยันว่าสารสกัดหรือวิตามินจะช่วยบำรุงผิวได้จริง
ปัจจุบันการทำความสะอาดผิวกายเพียงเพื่อชำระล้างคราบสกปรกออกจากร่างกายกลายเป็นธุรกิจไปเสียแล้ว เพราะมีการช่วงชิงตำแหน่งผู้นำทางการตลาดกันทุกรูปแบบ เวลาเราเดินในห้างสรรพสินค้าจะเห็นมีผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดมากมายวางเรียงรายให้เลือกซื้อ มีหลายรูปแบบ หลายราคา แต่ถ้าผู้บริโภคมีความเข้าใจในธรรมชาติของผิวหนังว่าผิวหนังของท่านต้องใช้ผลิตภัณฑ์ใดถึงจะทำให้ได้รับประโยชน์สูงสุด ท่านก็จะสามารถเลือกซื้อสินค้าได้ถูกต้องตามความต้องการและสมราคาอีกด้วย.
link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี,สูตรดูแลผม สำหรับหมักผม
เครดิต bewtychic
นวดสลายเซลลูไลท์
นวดสลายเซลลูไลท์
ปฏิบัติการนวดสลายเซลลูไลท์บริเวณจุดสะสมบริเวณหน้าท้อง
บีบเนื้อครีมบริเวณหน้าท้องประมาณ 8-9 ซม.
- ลูบไล้เนื้อครีมโดยการวางมือทั้งสองบนหน้าท้อง หมุนวนเป็นเกลียวตามเข็มนาฬิกา เริ่มจากสะโพกวนเข้ายังสะดือ
- นวดต่อจากบริเวณสะดือ โดยนวดหมุนวนขึ้นสู่หัวใจบริเวณใต้ทรวงอก เพื่อช่วยขับ ของเสีย และยกกระชับกล้ามเนื้อให้เต่งตึงขึ้น
บริเวณสะโพก
บีบเนื้อครีมบริเวณหน้าท้องประมาณ 9-10 ซม. วางมือทั้ง 2 ข้าง ลงบนสะโพกส่วนล่างทั้งซ้าย และขวา นวดกดคลึงหมุนวนตามเข็มนาฬิกา โดยนวดวนขึ้นสู่สะโพกส่วนบนเข้าสู่หัวใจ
บริเวณต้นขา
บีบเนื้อครีมบริเวณท้องต้นขาประมาณ 5-6 ซม.โดยยกขาให้ตั้งฉากกับลำตัว จากนั้นนวดไล่หมุนวนขึ้น
บริเวณก้น
บีบเนื้อครีมบริเวณก้นประมาณ 9-10 ซม. จากนั้นนวดวนขึ้นสู่หัวใจ โดยไล่ยกขึ้นมาทางสะโพก
link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี,สูตรดูแลผม สำหรับหมักผม
เครดิต bewtychic
ปฏิบัติการนวดสลายเซลลูไลท์บริเวณจุดสะสมบริเวณหน้าท้อง
บีบเนื้อครีมบริเวณหน้าท้องประมาณ 8-9 ซม.
- ลูบไล้เนื้อครีมโดยการวางมือทั้งสองบนหน้าท้อง หมุนวนเป็นเกลียวตามเข็มนาฬิกา เริ่มจากสะโพกวนเข้ายังสะดือ
- นวดต่อจากบริเวณสะดือ โดยนวดหมุนวนขึ้นสู่หัวใจบริเวณใต้ทรวงอก เพื่อช่วยขับ ของเสีย และยกกระชับกล้ามเนื้อให้เต่งตึงขึ้น
บริเวณสะโพก
บีบเนื้อครีมบริเวณหน้าท้องประมาณ 9-10 ซม. วางมือทั้ง 2 ข้าง ลงบนสะโพกส่วนล่างทั้งซ้าย และขวา นวดกดคลึงหมุนวนตามเข็มนาฬิกา โดยนวดวนขึ้นสู่สะโพกส่วนบนเข้าสู่หัวใจ
บริเวณต้นขา
บีบเนื้อครีมบริเวณท้องต้นขาประมาณ 5-6 ซม.โดยยกขาให้ตั้งฉากกับลำตัว จากนั้นนวดไล่หมุนวนขึ้น
บริเวณก้น
บีบเนื้อครีมบริเวณก้นประมาณ 9-10 ซม. จากนั้นนวดวนขึ้นสู่หัวใจ โดยไล่ยกขึ้นมาทางสะโพก
link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี,สูตรดูแลผม สำหรับหมักผม
เครดิต bewtychic
สดใส...ในลมหนาว
สดใส...ในลมหนาว
นักพยากรณ์ศาสตร์พร้อมใจกันออกโรงเตือนว่า ลมหนาวเริ่มโชยมาแล้ว ปีนี้นอกจากจะหนาวเร็ว เขายังบอกว่าจะหนาวนานและหนาวมาก
ดิฉันจึงขอรับกระแสนี้ด้วยคน ด้วยการบอกกล่าวกลเม็ดเคล็ดลับ ปรับลุค สุขภาพ และบุคลิกภาพรับลมหนาวที่เดินทางมาถึงแล้ว
โดยสรีรวิทยา ลักษณะทางพันธุกรรมของคนไทยถูกออกแบบมาให้อยู่ดีมีสุขในสภาพอากาศร้อนชื้นค่ะ แต่ดั้งแต่เดิมที่สภาพอากาศ หรือฤดูกาลไม่แปรปรวนมาก หน้าหนาวเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ไม่กี่เดือนในรอบปี จึงไม่มีผลกระทบต่อคนเรามาก แต่ปัจจุบันเอาแน่เอานอนไม่ได้ แถมความรุนแรงของอากาศก็มากขึ้น จึงมีหลายอย่างที่ต้องแจ้งเตือนให้รีบดูแลและเตรียมการ เพื่อรับมือกับสายลมหนาวที่กำลังจะถาโถมเข้ามาเล่นงานเราในอีกไม่ช้านี้
1.เตรียมผิวรับลมหนาว
ผิวที่มีสุขภาพดี จะเกิดในคนที่มีกรรมพันธุ์ดี และมีสุขภาพที่ดีค่ะ เมื่อข้ามเรื่องกรรมพันธุ์ (ซึ่งบัดนี้ทำอะไรไม่ได้แล้วนะคะ) ก็หมายถึงว่าเราต้องใส่ใจสุขภาพ ผิวจะดีได้เลือดลมต้องเดินสะดวก เลือดลมจะเดินสะดวก ต้องออกกำลังกายเป็นประจำนะคะ แล้วยังต้องใส่ใจอาหารการกิน โดยเฉพาะหากได้เสริมวิตามินซี คอลลาเจน และการบำรุงผิวด้วยครีมทาภายนอกผสมเข้าไปแล้ว ผิวจะยิ่งแข็งแรง ยืดหยุ่น และมีสุขภาพดี ในช่วงหนาวจัดควรหลีกเลี่ยงลมแรง เพราะลมจะเป็นตัวพัดความชุ่มชื้นออกไปจากผิว สวมใส่เสื้อผ้าปกปิดผิว และทาครีมบำรุงชนิดเข้มข้นจึงจะสู้ลมหนาวได้นาน
2.พิทักษ์ผิวด้วยครีมกันแดด
คงจะทราบกันนะคะว่า รังสี UVB นั้น เป็นรังสีคลื่นสั้น ที่ทำได้แค่ผ่านทะลุชั้นหนังกำพร้าและหนังแท้บนชั้นผิว ทำให้แสบผิว เกิดอาการไหม้ของผิวได้ แต่ที่อันตรายกว่า คือรังสี UVA ค่ะ เพราะว่าเป็นรังสีคลื่นยาว สามารถทะลุผ่านชั้นหนังแท้ของเราเข้าไปได้ด้วย และเจ้าตัวนี้แหละ คือตัวการทำให้เกิดริ้วรอยและมะเร็งผิวหนัง
UVA นี้สามารถทะลุผ่านกระจกได้ด้วย นั่นก็หมายถึงเวลาอยู่ที่บ้าน ขับรถ หรือนั่งทำงานอยู่ริมกระจก ก็ต้องปกป้องผิวจากรังสียูวีชนิดนี้กันนะคะ แม้ในวันฟ้าครึ้ม ไม่มีแสงแดด UVA ไม่ก็เคยลาหยุด ทำงานทุกวันค่ะ
จึงควรที่จะหาครีมกันแดดที่ป้องกันได้ ทั้ง UVB และ UVA ค่า SPF 15-30 มาทาผิว และต้องเป็นครีมกันแดดที่ “ติดผิว” ด้วยนะคะ ไม่ใช่ทาแป๊บเดียวก็หลุดลอกแล้ว เราก็ชะล่าใจ ทำให้ไม่ได้ป้องกันผิวพรรณอย่างเต็มที่ หน้าหนาวแดดแรงกว่าปกติค่ะ เจออากาศเย็นๆ เราชอบออกไปผึ่งแดด จนลืมนึกถึงอันตรายจากรังสีพวกนี้
3.น้ำร้อนบ่อนเบียนผิว
พออากาศหนาว เราก็มักจะปรับอุณหภูมิน้ำให้ร้อนขึ้น ไม่ควรนอนแช่น้ำที่ร้อนขึ้นในอ่างอาบน้ำนานๆ นะคะ รวมถึงคนที่อาบแบบฝักบัวด้วย ต้องระวังเรื่องความร้อนของน้ำอย่าให้สูงมาก เพราะความร้อนจะไปลดความชุ่มชื้นของผิว ทำให้ผิวแห้งแตกเป็นขุย และทำให้ผิวอ่อนแอ เป็นสาเหตุให้ผิวระคายเคืองได้ง่ายค่ะ
4.ลดการใช้เครื่องสำอางบางชนิด
ต้องลดการใช้ครีมที่มีส่วนผสมของ AHA (Alpha Hydroxy Acid) ลงบ้างนะคะ เพราะผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะช่วยในการกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว ซึ่งอาจทำให้ระคายเคืองได้ง่ายในสภาพอากาศแห้งและเย็น รวมถึงพวก Astringents หรือ Toner ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์อยู่ด้วย
5.เพิ่มความชื้น
หน้าหนาวอากาศจะแห้งมาก อากาศแห้ง ผิวก็แห้งนะคะ อาจเติมความชุ่มชื้นให้ผิวด้วยสเปรย์ (Mist หรือ Mineral Water Spray) สำหรับพ่นบำรุงผิวทั้งหลายระหว่างวัน เพื่อความสดชื่นและบรรเทาอาการแห้งของริมฝีปากด้วยค่ะ หรือวิธีที่หลายคนทำกันอยู่แล้ว คือ เอาแก้วน้ำตั้งไว้ที่หัวเตียงหรือในห้องทำงาน เพื่อช่วยเติมความชื้นในอากาศอีกทางหนึ่งด้วย นอกจากช่วยให้ผิวแห้งยากขึ้นแล้ว ยังช่วยให้หายใจสะดวกขึ้นด้วย
6.โกโก้ช่วยคุณได้
ในเมล็ดโกโก้ มีสารฟลาโวนอยด์ ที่ช่วยดูดซึมวิตามินซีและช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ จิบเครื่องดื่มโกโก้ร้อนในหน้าหนาว นอกจากได้ไออุ่นจากถ้วยโกโก้แล้ว ยังได้ประโยชน์จากสารฟลาโวนอยด์นี้ด้วย แต่ระวังเรื่องน้ำตาลนะคะ อย่าชงให้หวาน เพราะน้ำตาลคือตัวการทำลายผิว และทำให้น้ำหนักเพิ่มโดยไม่รู้ตัวด้วย
7.อย่าลืมดูแลเท้า
อย่ามัวแต่ดูแลแต่ผิวหน้า ผิวกาย จนตายใจ พอจะใส่รองเท้าเปิดส้นที ใครเห็นก็อดร้องยี้ไม่ได้เลยค่ะ เพราะหน้าหนาวอาจทำให้เท้าคู่งามของคุณแตกแห้งเป็นร่อง เพราะฉะนั้น อย่าลืมขัด (Scrub) เท้ากันบ้าง อาจขัดด้วยผลิตภัณฑ์ที่ทำออกมาเพื่อเท้าโดยเฉพาะ หรือจริงๆ ใช้ Scrub เดียวกันกับผิวกายก็ได้ค่ะ แช่เท้าในน้ำอุ่นแล้วก็ขัดผิวให้เซลล์ที่ตายแล้วหลุดลอกออกไป แล้วบำรุงด้วยครีมที่มีส่วนผสมของโจโจ้บา อโวคาโด และวิตามินอี ทาแล้วสวมถุงเท้าผ้าคอตตอนก่อนนอน ตื่นมาผิวที่เท้าโดยเฉพาะส้นเท้าจะนุ่มขึ้นเลยค่ะ
8.อย่าปล่อยให้ปากแห้งผาก
ถ้าอากาศเย็นๆ สีของริมฝีปากซีดเผือดดูแล้วเหมือนคนป่วย แถมความแห้งยังทำให้ปากแตกด้วยอีก น่ากลัวมากๆ เลยค่ะ บางคนปากแห้งแล้วยังไม่พอ ยังชอบเลียริมฝีปากอีก ยิ่งซ้ำให้ปากยิ่งแห้งและแตกง่ายมากยิ่งขึ้นอีก อาจ Scrub ริมฝีปากเบาๆ ด้วย Scrub ที่เป็นเม็ด Beads เล็กๆ อาจใช้ที่ทำมาโดยเฉพาะปาก หรือถ้าใช้ Scrub ของผิวหน้า ก็ต้องแน่ใจว่าเม็ดสครับเล็กละเอียดจริงๆ แล้วเพิ่มความชุ่มชื้นด้วยลิปบาล์มสูตรเข้มข้น หรือลิปบาล์มที่ช่วยลดร่องบนริมฝีปากก็ได้ค่ะ
9.ดูแลเส้นผม
วิธีที่สะดวกรวดเร็ว คือใช้พวก Leave-in Conditioner หรือคอนดิชันเนอร์แบบไม่ต้องล้างออก ลูบลงไปบนเส้นผมเนี่ยล่ะค่ะ จะช่วยลดผมพองฟูได้
10.ปัดแต่งสีผิวให้ดูสุขภาพดี
สุดท้ายถ้าผิวยังดูซีดเซียวเหมือนคนป่วยอีก ก็ต้องพึ่งเมกอัพกันหน่อย ปัดแก้มโทนชมพูให้ดูมีเลือดฝาดนิดๆ แล้วเติมกลอสลงไปอีกหน่อย ก็จะดูสวยใสรับลมหนาวได้แล้วค่ะ
11.ผ้าพันคอ
ถือเป็นอุปกรณ์ช่วยชีวิตในหน้าหนาวเลยนะคะ ปัจจุบันการพันคอด้วยผ้าพันคอแบบต่างๆ กลายเป็นแฟชั่นอินเทรนด์ หนาวนี้รับรองผ้าพันคอไม่เอาต์แน่ๆ เตรียมซื้อซะก่อนหนาว จะราคาถูกกว่าค่ะ มีทั้งแบบผ้าบาง ผ้าหนา ไหมพรม ฯลฯ เลือกไว้หลายๆ แบบ ทั้งเพื่อความงามและความอุ่น เวลาพันให้ดูรูปหน้าและขนาดคอของตัวเองด้วยนะคะ อย่าให้คออุดเหมือนเต่า แม้พันคอก็ยังต้องคงความเพรียวระหงของลำคอเอาไว้ เวลานี้ก็ฝึกพันคอเอาไว้หลายๆ แบบ เดี๋ยวหนาวเต็มพิกัดแล้ว ความชำนาญในการพันผ้าแบบต่างๆ จะช่วยให้คุณเริดยิ่งกว่าใครๆ
link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี,หนาวนี้ ควรใส่ใจดูแลผิว
เครดิต bewtychic
สารก่อสิวและยารักษา
สารก่อสิวและยารักษาสารก่อสิว (Comedogenic agents) พบได้จากส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น
1.เครื่องสำอางที่มีไขมันและน้ำมันชนิดหนัก (heavy oils) เป็นองค์ประกอบ สามารถก่อให้เกิดสิวได้ง่าย ผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายควรหลีกเลี่ยง ตัวอย่าง เช่น น้ำมันมะพร้าว, น้ำมันมะกอก, น้ำมันข้าวโพด, น้ำมันถั่ว, Cocoa butter, Lanolin (จากขนแกะ), Myristyl myristate, Isopropyl myristate, Isopropyl palmitate เป็นต้น
2.ผลิตภัณฑ์สเปรย์สำหรับเส้นผม มีองค์ประกอบที่สำคัญที่ก่อสิว คือ ไอโซโพรพิวแอลกอฮอล โพลีเมอร์ในกลุ่ม PVA/PVP ซึ่งเป็นสารที่ทำให้เส้นผมอยู่ทรงได้ดี
สารชนิดนี้หากหายใจเข้าไปสะสมในปอดก่อให้เกิดปัญหาโรคปอดได้ง่าย3.ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิว สารก่อสิวที่สำคัญได้แก่ สารให้ฟองมาก Sodium lauryl sulfate (SLS), Ammonium lauryl sulfate (ALS) และสารปรับแต่งความเป็นกรด-ด่าง(พีเอช) เช่น โซเดียมไฮดรอกไซด์ (NoaH), Triethanolamine (TEA)4. สารกันเสียในผลิตภัณฑ์ทุกชนิด เช่น โพรพิวเมททิว พาราเบน (Propylmethyl Parabens) และอนุพันธ์ของสารพาราเบนอีกหลายชนิด5.สีสังเคราะห์ สีสังเคราะห์ในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่เตรียมมาจาก coal tar จะมีส่วนผสมของโลหะหนัก นอกจากเป็นสารก่อสิวแล้วยังเป็นสารก่อมะเร็งผิวหนังอีกด้วย6.แสงแดดและฝุ่นละออง รังสีดวงอาทิตย์มีผลต่อผู้ที่ผิวแพ้ง่ายก่อให้เกิดสิวได้ ฝุ่นละอองและควันเสียจากท่อไอเสียของรถยนต์ทำให้สิวเพิ่มความรุนแรงได้7.ยารักษาโรค บางชนิดกระตุ้นการเกิดสิว เช่น ยาสเตียรอยด์
ยารักษาสิว
1. ซาลิไซลิคแอซิด (Salicylic acid) และ เรตินเอ (Retin-A) ครีมหรือโลชั่น จะช่วยให้หัวสิวนุ่มลงและหลุดลอก
2. ยาต้านเชื้อแบคทีเรีย เบนโซอิว เพอร์ออกไซด์ (Benzoyl peroxide), อีริโทรไมซิน ขี้ผึ้งหรือเจล, ครินดาไมซินด์โลชั่น
3. ซัลเฟอร์ (Sulfur) และ รีซอร์ซินอล (Resorcinol) ทำหน้าที่ทั้งต้านเชื้อแบคทีเรีย และช่วยให้หัวสิวนุ่มลงและหลุดลอกง่ายยารักษาสิวบางชนิดอาจมีส่วนผสมของตัวยาหลายชนิดผสมกัน ระยะเวลาการรักษาและเห็นผล อย่างน้อย 2 สัปดาห์ ถึง 3 เดือนแล้วแต่ความรุนแรงของสิว ยาบางชนิดได้ผลดีแต่อาจทำให้ผิวหน้าแพ้ง่ายเมื่อโดนแสงแดด เช่น เรตินเอ จึงควรใช้ร่วมกับครีมกันแดดและควรทาก่อนนอนเท่านั้นจะปลอดภัยกว่า อย่างไรก็ตามควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังหรือเภสัชกรก่อนการใช้ยาเหล่านี้
ข้อสังเกต
เครื่องสำอางที่มีฉลากคำว่า ‘Oil free' หรือปราศจากน้ำมัน ความจริงยังคงมีน้ำมันเป็นองค์ประกอบตามปกติ แต่เป็นน้ำมันชนิดพิเศษที่ให้ความรู้สึกไม่เหนอะหนะเท่านั้นเอง และ เครื่องสำอางธรรมชาติจากสมุนไพร ก็ยังคงมีส่วนผสมของสารต่าง ๆ ที่อาจเป็นสารก่อสิวได้มากมายตามที่ยกตัวอย่างข้างต้น ผู้บริโภคจึงควรพิจารณาจากฉลาก และค่อย ๆ ศึกษาหรือทำความคุ้นเคยกับชื่อเคมีเหล่านี้
link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี,มดอายุ..ไม่หมดสวยด้วยโยเกิร์ต
เครดิต bewtychic
1.เครื่องสำอางที่มีไขมันและน้ำมันชนิดหนัก (heavy oils) เป็นองค์ประกอบ สามารถก่อให้เกิดสิวได้ง่าย ผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายควรหลีกเลี่ยง ตัวอย่าง เช่น น้ำมันมะพร้าว, น้ำมันมะกอก, น้ำมันข้าวโพด, น้ำมันถั่ว, Cocoa butter, Lanolin (จากขนแกะ), Myristyl myristate, Isopropyl myristate, Isopropyl palmitate เป็นต้น
2.ผลิตภัณฑ์สเปรย์สำหรับเส้นผม มีองค์ประกอบที่สำคัญที่ก่อสิว คือ ไอโซโพรพิวแอลกอฮอล โพลีเมอร์ในกลุ่ม PVA/PVP ซึ่งเป็นสารที่ทำให้เส้นผมอยู่ทรงได้ดี
สารชนิดนี้หากหายใจเข้าไปสะสมในปอดก่อให้เกิดปัญหาโรคปอดได้ง่าย3.ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิว สารก่อสิวที่สำคัญได้แก่ สารให้ฟองมาก Sodium lauryl sulfate (SLS), Ammonium lauryl sulfate (ALS) และสารปรับแต่งความเป็นกรด-ด่าง(พีเอช) เช่น โซเดียมไฮดรอกไซด์ (NoaH), Triethanolamine (TEA)4. สารกันเสียในผลิตภัณฑ์ทุกชนิด เช่น โพรพิวเมททิว พาราเบน (Propylmethyl Parabens) และอนุพันธ์ของสารพาราเบนอีกหลายชนิด5.สีสังเคราะห์ สีสังเคราะห์ในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่เตรียมมาจาก coal tar จะมีส่วนผสมของโลหะหนัก นอกจากเป็นสารก่อสิวแล้วยังเป็นสารก่อมะเร็งผิวหนังอีกด้วย6.แสงแดดและฝุ่นละออง รังสีดวงอาทิตย์มีผลต่อผู้ที่ผิวแพ้ง่ายก่อให้เกิดสิวได้ ฝุ่นละอองและควันเสียจากท่อไอเสียของรถยนต์ทำให้สิวเพิ่มความรุนแรงได้7.ยารักษาโรค บางชนิดกระตุ้นการเกิดสิว เช่น ยาสเตียรอยด์
ยารักษาสิว
1. ซาลิไซลิคแอซิด (Salicylic acid) และ เรตินเอ (Retin-A) ครีมหรือโลชั่น จะช่วยให้หัวสิวนุ่มลงและหลุดลอก
2. ยาต้านเชื้อแบคทีเรีย เบนโซอิว เพอร์ออกไซด์ (Benzoyl peroxide), อีริโทรไมซิน ขี้ผึ้งหรือเจล, ครินดาไมซินด์โลชั่น
3. ซัลเฟอร์ (Sulfur) และ รีซอร์ซินอล (Resorcinol) ทำหน้าที่ทั้งต้านเชื้อแบคทีเรีย และช่วยให้หัวสิวนุ่มลงและหลุดลอกง่ายยารักษาสิวบางชนิดอาจมีส่วนผสมของตัวยาหลายชนิดผสมกัน ระยะเวลาการรักษาและเห็นผล อย่างน้อย 2 สัปดาห์ ถึง 3 เดือนแล้วแต่ความรุนแรงของสิว ยาบางชนิดได้ผลดีแต่อาจทำให้ผิวหน้าแพ้ง่ายเมื่อโดนแสงแดด เช่น เรตินเอ จึงควรใช้ร่วมกับครีมกันแดดและควรทาก่อนนอนเท่านั้นจะปลอดภัยกว่า อย่างไรก็ตามควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังหรือเภสัชกรก่อนการใช้ยาเหล่านี้
ข้อสังเกต
เครื่องสำอางที่มีฉลากคำว่า ‘Oil free' หรือปราศจากน้ำมัน ความจริงยังคงมีน้ำมันเป็นองค์ประกอบตามปกติ แต่เป็นน้ำมันชนิดพิเศษที่ให้ความรู้สึกไม่เหนอะหนะเท่านั้นเอง และ เครื่องสำอางธรรมชาติจากสมุนไพร ก็ยังคงมีส่วนผสมของสารต่าง ๆ ที่อาจเป็นสารก่อสิวได้มากมายตามที่ยกตัวอย่างข้างต้น ผู้บริโภคจึงควรพิจารณาจากฉลาก และค่อย ๆ ศึกษาหรือทำความคุ้นเคยกับชื่อเคมีเหล่านี้
link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี,มดอายุ..ไม่หมดสวยด้วยโยเกิร์ต
เครดิต bewtychic
หลากหลายวิธีกำจัด "เซลลูไลท์" ไปจากชีวิต
หลากหลายวิธีกำจัด "เซลลูไลท์" ไปจากชีวิต
วันนี้คงต้องเริ่มด้วยภาษาอังกฤษวันละคำ ให้ รู้จักกับคำว่า “เซลลูไลท์” (cellulite) เสียก่อนว่า มีความหมายถึงอะไร ลักษณะหน้าตาเป็นอย่างไร
ภ.ญ.วัจนา สุจีรพงศ์สิน เภสัชกรโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เขียนไว้ในคอลัมน์ “คนงามเพราะแต่ง” ของ อภัยภูเบศรสาร เดือนเมษายน 2549 บอกว่า เซลลูไลท์หมายถึง ผิวหนังชั้นบนที่มีการสะสมไขมันมากกว่าปกติ เมื่อดูจากภายนอกจะเห็นลักษณะผิวขรุขระ เป็นก้อนนูน ไม่เรียบเนียน บางตำราเรียกว่า “ผิวเปลือกส้ม” มักจะพบได้ตามบริเวณ สะโพก ต้นขา ต้นแขน ก้น หน้าท้อง
สำหรับสาเหตุของผิวเปลือกส้มนี้ ภ.ญ.วัจนา สรุปว่ามีได้หลากหลาย ตั้งแต่การเผาผลาญสารอาหารของร่างกายผิดปกติ ระบบไหลเวียนทำงานไม่เต็มที่ ขาดการออกกำลังกาย ปล่อยให้ท้องผูกเป็นประจำ บางตำราว่าเกิดจากความไม่สมดุลของฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน โดยตัวแรกกระตุ้นร่างกายให้สะสมไขมัน ส่วนตัวหลังช่วยลดการสะสมไขมัน เมื่อสมดุลเสียทำให้ มีการสะสมไขมันได้มากยิ่งขึ้น สุดท้ายเลยทำให้ระบบไหลเวียนเลือดและน้ำเหลืองเสียไป เกิดการสะสมของของเหลวและสารพิษ ถ้าปล่อยไปนานๆ จะมีผลต่อคอลลาเจนและอีลาสตินในผิว โครงสร้างผิวเสียความยืดหยุ่น ผิวจึงเป็นก้อนนูน ไม่เรียบเนียน
ทีนี้ก็พอจะมองเห็นเลาๆแล้วว่า การมีเซลลูไลท์นั้นเป็นเรื่องน่ากวนใจ สำหรับคนรักสวยรักงามแค่ไหน ก็ต้องหาวิธีขจัดมันออกไป เรื่องนี้คุณเภสัชกรสาวแห่งโรงพยาบาลที่ขึ้นชื่อด้านสมุนไพร แนะไว้หลายวิธีตั้งแต่การ เลือกรับประทานอาหารที่มีกากใยมาก เน้นผัก ผลไม้ที่มีฤทธิ์ต้านออกซิเดชั่น ดื่มน้ำมากๆ อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว ตอนเช้าดื่มน้ำอุ่น 1 แก้ว ผสมน้ำมะนาวคั้น 1 ผล หรือเปลี่ยนเป็นชาสมุนไพร เช่น รางจืด หญ้าปักกิ่ง หญ้าหนวดแมว กระเจี๊ยบ ก็ได้ เพื่อกระตุ้นการขับสารพิษออกจากร่างกาย
นอกจากนี้ ยัง ควรกระตุ้นการไหลเวียนเลือด และน้ำเหลือง บริเวณที่มีเซลลูไลท์ด้วยการนวด หรือขัดผิว ให้ลองผสมน้ำมันหอมระเหย 3-4 หยดกับน้ำมันนวดตัว หรือผลิตภัณฑ์ขัดผิว เช่น ขิง ตะไคร้ บ้าน เลมอนออยล์ เปปเปอร์มินท์ออยล์ จะช่วยลดไขมัน กระชับผิว และขับสารพิษออกจากผิวได้ดีขึ้น
และข้อสุดท้ายที่สำคัญกับสุขภาพโดยรวมนั่นคือ ออกกำลังสม่ำเสมอ เพื่อเร่งการเผาผลาญไขมันทั้งมวล ทำได้แค่นี้ก็คงจะพอบอกลาเซลลูไลท์ กันได้หมดจดทีเดียว.
link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี,เรื่องเล็บๆ เกร็ดความงาม
เครดิต bewtychic
บริหารสะโพกให้ดูดี
บริหารสะโพกให้ดูดี
ใครที่คิดว่าตัวเองมีสะโพกใหญ่เกินไป ใส่อะไรก็ไม่สวย วันนี้เกร็ดความรู้มีการบริหารสะโพกให้ดูดีมาฝากกัน...
วิธีแรก ควรหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นการเต้นแอโรบิก การวิ่ง ปั่นจักรยาน การบริหารเฉพาะส่วน ฯลฯ เป็นวิธีที่ช่วยให้สะโพกสวย แน่น และกระชับมากขึ้น คนอ้วน หรือผอมก็สามารถใช้วิธีนี้ได้
วิธีที่สอง ควบคุมอาหาร แต่ไม่ใช่อดอาหาร เลือกรับประทานอาหารที่มีคุณประโยชน์มากกว่ารับประทานตามใจปาก ควรทานให้ครบทั้ง 3 มื้อ และหยุดทันทีถ้ารู้สึกอิ่ม ลดอาหารจำพวกที่ให้พลังงานสูง และอาหารรสจัด หวานจัด มันจัด ควรดื่มนมที่พร่องมันเนย ของขบเคี้ยว ให้เลือกทานประเภทพืชเปลือกแข็งแทน เช่น ถั่ว เม็ดแตงโม ฯลฯ
วิธีที่สาม การนวดมีประโยชน์มากกับขาช่วงต้นขาด้านบน ด้านหน้าและหลัง โดยเฉพาะช่วงต่อจากก้นลงมา เพราะถ้าบริเวณนี้มีไขมันมากจะทำให้สะโพกห้อยและย้อยได้ นอกจากนี้การนวดยังช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต รวมทั้งกำจัดของเสียและไขมันที่สะสมอยู่ใต้ผิวหนังด้วย สำหรับการนวดที่ดีคือ ให้ใช้ครีมที่ใช้ขจัดไขมันใต้ผิวหนัง โดยเฉพาะช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการนวด ควรเป็นตอนก่อนนอน หลังอาบน้ำในตอนเช้า หรือก่อนทานอาหารหนึ่งชั่วโมง ควรใช้ครีมนวดติดต่อกันอย่างสม่ำเสมอ ถ้าใช้ๆ หยุดๆ จะไม่เห็นผล และหยุดใช้ครีมนวดทันทีถ้าเกิดอาการแพ้
วิธีที่สี่ การขัดผิว จะช่วยในเรื่องของการแตกลาย จุดด่างดำ ผดผื่นแดง และรอยหยาบกร้านให้หมดไป สามารถขัดผิวได้ด้วยตัวเองโดยใช้น้ำมันขัดผิวที่ทำขึ้นเองแบบง่ายๆ และประหยัด โดยนำเกลือเม็ดใส่ลงในขวด กะปริมาณตามที่ต้องการใช้ จากนั้นเติมน้ำมันมะกอกลงไป สังเกตุให้เกลือดูดซึมน้ำมันจนหมดอย่าให้แห้ง หรือเปียกเกินไป เติมน้ำหอมกลิ่นที่ชอบลงไปสัก 2 - 3 หยด จะช่วยให้รู้สึกสดชื่นขึ้นในขณะที่ขัดผิวให้ขัดเป็นวงกลมในบริเวณที่เกิดรอย หยาบกร้าน
วิธีสุดท้าย การเสริมแต่งด้วยชุดชั้นใน เป็นวิธีที่กำลังมาแรงและง่ายที่สุด ผู้หญิงยุคใหม่ที่อยากมีสะโพกสวยมักหันไปพึ่งชุดชั้นใน (INNERWEAR) แทน เพื่อช่วยเสริมบุคลิกภาพที่ดีแก่ผู้สวมใส่ จะช่วยจัดทรงให้แก่ผู้สวมใส่ เน้นรูปร่างสัดส่วนมากขึ้น ไม่ว่าหน้าอก เอว หน้าท้อง สะโพก
ถ้าอยากมีสะโพกที่ดูดี ก็ลองนำวิธีที่แนะนำไปปฏิบัติตามกันดูได้ถ้าใช้ควบคู่ไปกับเครื่องสำอางเกาหลีที่ช่วยกระตุ้นการเผาก็จะได้ผลมากขึ้น ลองทำกานดูนะค่ะ
link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี,เคล็ดลับ...หน้าอก...ยกกระชับ
เครดิต bewtychic
ใครที่คิดว่าตัวเองมีสะโพกใหญ่เกินไป ใส่อะไรก็ไม่สวย วันนี้เกร็ดความรู้มีการบริหารสะโพกให้ดูดีมาฝากกัน...
วิธีแรก ควรหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นการเต้นแอโรบิก การวิ่ง ปั่นจักรยาน การบริหารเฉพาะส่วน ฯลฯ เป็นวิธีที่ช่วยให้สะโพกสวย แน่น และกระชับมากขึ้น คนอ้วน หรือผอมก็สามารถใช้วิธีนี้ได้
วิธีที่สอง ควบคุมอาหาร แต่ไม่ใช่อดอาหาร เลือกรับประทานอาหารที่มีคุณประโยชน์มากกว่ารับประทานตามใจปาก ควรทานให้ครบทั้ง 3 มื้อ และหยุดทันทีถ้ารู้สึกอิ่ม ลดอาหารจำพวกที่ให้พลังงานสูง และอาหารรสจัด หวานจัด มันจัด ควรดื่มนมที่พร่องมันเนย ของขบเคี้ยว ให้เลือกทานประเภทพืชเปลือกแข็งแทน เช่น ถั่ว เม็ดแตงโม ฯลฯ
วิธีที่สาม การนวดมีประโยชน์มากกับขาช่วงต้นขาด้านบน ด้านหน้าและหลัง โดยเฉพาะช่วงต่อจากก้นลงมา เพราะถ้าบริเวณนี้มีไขมันมากจะทำให้สะโพกห้อยและย้อยได้ นอกจากนี้การนวดยังช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต รวมทั้งกำจัดของเสียและไขมันที่สะสมอยู่ใต้ผิวหนังด้วย สำหรับการนวดที่ดีคือ ให้ใช้ครีมที่ใช้ขจัดไขมันใต้ผิวหนัง โดยเฉพาะช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการนวด ควรเป็นตอนก่อนนอน หลังอาบน้ำในตอนเช้า หรือก่อนทานอาหารหนึ่งชั่วโมง ควรใช้ครีมนวดติดต่อกันอย่างสม่ำเสมอ ถ้าใช้ๆ หยุดๆ จะไม่เห็นผล และหยุดใช้ครีมนวดทันทีถ้าเกิดอาการแพ้
วิธีที่สี่ การขัดผิว จะช่วยในเรื่องของการแตกลาย จุดด่างดำ ผดผื่นแดง และรอยหยาบกร้านให้หมดไป สามารถขัดผิวได้ด้วยตัวเองโดยใช้น้ำมันขัดผิวที่ทำขึ้นเองแบบง่ายๆ และประหยัด โดยนำเกลือเม็ดใส่ลงในขวด กะปริมาณตามที่ต้องการใช้ จากนั้นเติมน้ำมันมะกอกลงไป สังเกตุให้เกลือดูดซึมน้ำมันจนหมดอย่าให้แห้ง หรือเปียกเกินไป เติมน้ำหอมกลิ่นที่ชอบลงไปสัก 2 - 3 หยด จะช่วยให้รู้สึกสดชื่นขึ้นในขณะที่ขัดผิวให้ขัดเป็นวงกลมในบริเวณที่เกิดรอย หยาบกร้าน
วิธีสุดท้าย การเสริมแต่งด้วยชุดชั้นใน เป็นวิธีที่กำลังมาแรงและง่ายที่สุด ผู้หญิงยุคใหม่ที่อยากมีสะโพกสวยมักหันไปพึ่งชุดชั้นใน (INNERWEAR) แทน เพื่อช่วยเสริมบุคลิกภาพที่ดีแก่ผู้สวมใส่ จะช่วยจัดทรงให้แก่ผู้สวมใส่ เน้นรูปร่างสัดส่วนมากขึ้น ไม่ว่าหน้าอก เอว หน้าท้อง สะโพก
ถ้าอยากมีสะโพกที่ดูดี ก็ลองนำวิธีที่แนะนำไปปฏิบัติตามกันดูได้ถ้าใช้ควบคู่ไปกับเครื่องสำอางเกาหลีที่ช่วยกระตุ้นการเผาก็จะได้ผลมากขึ้น ลองทำกานดูนะค่ะ
link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี,เคล็ดลับ...หน้าอก...ยกกระชับ
เครดิต bewtychic
เคล็ดลับการบำรุงผิวหน้าด้วยผลไม้
เคล็ดลับการบำรุงผิวหน้าด้วยผลไม้
ขอแนะเคล็ดลับวิธีการบำรุงผิวหน้าด้วยสูตรธรรมชาติจากผลไม้มาบอก...
เริ่มจาก นำมะละกอสุกบดละเอียดประมาณ 2 ช้อนชา พอกหน้าให้ทั่ว ทิ้งไว้ประมาณ 10-20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น ทำเป็นประจำวันละครั้ง ผิวหน้าจะเนียนขึ้นและช่วยลดริ้วร้อย
โลชั่นน้ำผลไม้ นำน้ำแตงกวา น้ำมะเขือเทศ น้ำมะนาว และน้ำแตงโม อย่างละ 1 ช้อนชา ผสมให้เข้ากัน จากนั้นใช้สำลีแต้มส่วนผสมเช็ดเบาๆให้ทั่วใบหน้า เพื่อช่วยสมานผิวและกระชับรูขุมขนแทนการใช้โทนเนอร์
มอยส์เจอไรเซอร์น้ำผึ้ง ใช้น้ำผึ้งประมาณ 1 ช้อนชา อุ่นด้วยไฟอ่อนๆ ประมาณครึ่งนาที จากนั้นทิ้งไว้ให้เย็นแล้วทาให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที จึงเช็ดออกแล้วล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น ผิวหน้าเนียนนุ่มขึ้น วิธีนี้ยังช่วยกำจัดสิวหัวดำอีกด้วย
สุดท้าย โลชั่นน้ำนมผสมเปลือกกล้วยหอม ใช้เปลือกกล้วยหอมสุก 1 ผล ล้างให้สะอาดแล้ว หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ เติมน้ำนมสดลงไปประมาณครึ่งถ้วย บดให้ละเอียดเข้ากัน ใช้แทน โลชั่นสำหรับผิวแห้งหรือเกรียมแดด ทั้งยังช่วยขจัดฝุ่นละออง ที่คั่งค้างอยู่ตามผิวหน้า ด้วย โลชั่นน้ำนมเปลือกกล้วยนี้สามารถเก็บใส่ขวดแช่ในตู้เย็นเก็บไว้ใช้ได้
อยากผิวสวยสดใส ลองทำตามวิธีที่แนะนำดูได้.
link ที่เกี่ยว เครื่องสำอางเกาหลี,มาส์กหน้าลอกสิว ด้วยตัวเอง
ขอบคุณข้อมูลจาก เดลินิวส์,bewtychic
อาหารเพื่อผิวสวย
อาหารเพื่อผิวสวย
เชื่อหรือ ไม่ว่าอาหารที่เราทานเข้าไปมีผลส่งไปถึงความรู้สึกภายในและยังส่งผลไปถึง สิ่งที่เราจะมองเห็นได้ภายนอกอีกด้วย แต่คราวนี้เราไม่ได้มาพูดถึงเรื่องการลดน้ำหนัก เราจะพูดถึงเรื่องของ "ผิวพรรณ" การทานอาหารเพื่อสุขภาพส่งผลให้เรามีผิวที่สวยและเราก็มีความสุขที่ได้รับ อาหารดีๆนั้นด้วย แล้วเราควรทานอะไรล่ะ วันนี้เรามีอาหารสำหรับผิวมาฝากกันค่ะ
น้ำ
เป็น ที่รู้กันดีว่าน้ำเป็นส่วนประกอบสำคัญในร่างกาย และเราก็ไม่ควรจะขาดน้ำ การดื่มน้ำเพียงพอจะช่วยให้ระบบทำงานอย่างลื่นไหล เช่น ระบบขับถ่าย, การประมวลผลทางความคิด และความสดชื่นของร่างกาย ยังไม่หมดแค่นั้นค่ะ ยังช่วยขับสารพิษหรือของเสียต่างๆออกได้อีกด้วย น้ำจึงทำให้ผิวของเรากระจ่างใส ดูสดใส แล้วดื่มขนาดไหนถึงจะพอดีล่ะ คงต้องสังเกตจากสีของปัสสาวะค่ะ ถ้าเป็นสีเหลืออ่อน แสดงว่าเราได้รับน้ำเพียงพอ ถ้าสีเข้ม ก็ควรดื่มน้ำให้มากขึ้น
อาหารที่อุดมด้วย โอเมก้า 3
อาหาร อะไรบ้างน่ะเหรอ ยกตัวอย่างเช่น แซลมอน วอลนัท และถั่วต่างๆ ทานอาหารเหล่านี้จะช่วยเพิ่มกรดไขมันที่จำเป็นสำหรับร่างกาย ทำให้ผิวดูเอิบอิ่มและสดใส โอเมก้า 3 ยังช่วยต้านการอักเสบ ซึ่งจะทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตดีขึ้น ทำให้ผิวหน้าของสาวๆเปล่งประกาย
อาหารที่อุดมด้วยซีเลเนียม
จาก การศึกษาทำให้พบประสิทธิภาพของแร่ธาตุชนิดนี้ ซึ่งช่วยป้องกันการเสื่อมของเซลล์ผิวหนังได้ อาหารที่อุดมด้วยซีเลเนียม ได้แก่ ธัญพืช ไก่งวงและทูน่า ถ้าอยากมีผิวที่ดูอ่อนวัยและช่วยให้ผิวเนียนนุ่ม ซีเลเนียมก็คือคำตอบค่ะ ถ้าไม่รู้จะทานอะไรดีลองทานซีเรียลที่เป็นธัญพืชในตอนเช้าก็ได้ แม้จะราคาสูงแต่รับรองว่าคุ้มค่า จะเติมเป็นผลไม้สดที่เราชอบลงไปด้วยเพื่อเพิ่มรสชาติก็ได้ค่ะhttp://www.pooyingnaka.com
ชาเขียว
ชา เขียวเนี่ย ในเมืองไทยเราก็นิยมดื่มกันพอสมควร เพราะรู้กันดีว่ามีประโยชน์แต่รู้มั้ยคะว่าสำหรับผิวเราแล้ว การดื่มชาเขียวช่วยลดความอยากอาหารลง และยังช่วยเผาผลาญแคลอรี่อีกด้วย สำคัญจริงๆก็คงจะเรื่องที่ช่วยให้ผิวไม่แก่ก่อนวัยค่ะ แต่ประโยชน์จริงสำหรับเครื่องดื่มชาเขียว คือการช่วยลดการอักเสบ เหมือนกับโอเมก้า 3 ชาเขียวยังช่วยปกป้องเยื่อหุ้มเซลล์ผิว ทำให้ผิวดูสดใสขึ้น อวบอิ่มขึ้นและดูมีสุขภาพดี
อาหารที่อุดมด้วย วิตามินเอ
วิตามิน เอเป็นสิ่งสำคัญในการช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิว เมื่อเราขาดวิตามินเอ ผิวจะแห้งและเป็นขุย ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ผู้หญิงเราต้องการเลยใช่มั้ยคะ หลายคนจึงให้ความสำคัญกับครีมที่มีวิตามินเอ เพื่อลดริ้วรอย ลดสิว แต่เราก็สามารถทานวิตามินเอจากอาหารได้ด้วยเหมือนกัน แหล่งอาหารชั้นยอดและราคาไม่แพงเกินไป ได้แก่แครอท บร็อคโคลี มันฝรั่งและเนย
เห็น มั้ยคะว่า อาหารที่เราทาน ถ้ามีประโยชน์จะช่วยให้ผิวเราสดใส โดยไม่ต้องพึ่งพาครีมแพงๆเลย สาวๆที่ไม่ชอบทานผักผลไม้ คงต้องหันมาใส่ใจและลองทานกันดูนะคะ แล้วมาติดตามว่าครั้งหน้าผู้หญิงนะคะดอทคอมจะนำเสนอเรื่องราวๆดีๆในเรื่อง ไหนให้เพื่อนได้สวย ใส และสุขภาพดีกันด้วยค่ะ
link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี,สิวขึ้นรอบริมฝีปาก จัดการอย่างไรดี
เครดิต bewtychic
เชื่อหรือ ไม่ว่าอาหารที่เราทานเข้าไปมีผลส่งไปถึงความรู้สึกภายในและยังส่งผลไปถึง สิ่งที่เราจะมองเห็นได้ภายนอกอีกด้วย แต่คราวนี้เราไม่ได้มาพูดถึงเรื่องการลดน้ำหนัก เราจะพูดถึงเรื่องของ "ผิวพรรณ" การทานอาหารเพื่อสุขภาพส่งผลให้เรามีผิวที่สวยและเราก็มีความสุขที่ได้รับ อาหารดีๆนั้นด้วย แล้วเราควรทานอะไรล่ะ วันนี้เรามีอาหารสำหรับผิวมาฝากกันค่ะ
น้ำ
เป็น ที่รู้กันดีว่าน้ำเป็นส่วนประกอบสำคัญในร่างกาย และเราก็ไม่ควรจะขาดน้ำ การดื่มน้ำเพียงพอจะช่วยให้ระบบทำงานอย่างลื่นไหล เช่น ระบบขับถ่าย, การประมวลผลทางความคิด และความสดชื่นของร่างกาย ยังไม่หมดแค่นั้นค่ะ ยังช่วยขับสารพิษหรือของเสียต่างๆออกได้อีกด้วย น้ำจึงทำให้ผิวของเรากระจ่างใส ดูสดใส แล้วดื่มขนาดไหนถึงจะพอดีล่ะ คงต้องสังเกตจากสีของปัสสาวะค่ะ ถ้าเป็นสีเหลืออ่อน แสดงว่าเราได้รับน้ำเพียงพอ ถ้าสีเข้ม ก็ควรดื่มน้ำให้มากขึ้น
อาหารที่อุดมด้วย โอเมก้า 3
อาหาร อะไรบ้างน่ะเหรอ ยกตัวอย่างเช่น แซลมอน วอลนัท และถั่วต่างๆ ทานอาหารเหล่านี้จะช่วยเพิ่มกรดไขมันที่จำเป็นสำหรับร่างกาย ทำให้ผิวดูเอิบอิ่มและสดใส โอเมก้า 3 ยังช่วยต้านการอักเสบ ซึ่งจะทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตดีขึ้น ทำให้ผิวหน้าของสาวๆเปล่งประกาย
อาหารที่อุดมด้วยซีเลเนียม
จาก การศึกษาทำให้พบประสิทธิภาพของแร่ธาตุชนิดนี้ ซึ่งช่วยป้องกันการเสื่อมของเซลล์ผิวหนังได้ อาหารที่อุดมด้วยซีเลเนียม ได้แก่ ธัญพืช ไก่งวงและทูน่า ถ้าอยากมีผิวที่ดูอ่อนวัยและช่วยให้ผิวเนียนนุ่ม ซีเลเนียมก็คือคำตอบค่ะ ถ้าไม่รู้จะทานอะไรดีลองทานซีเรียลที่เป็นธัญพืชในตอนเช้าก็ได้ แม้จะราคาสูงแต่รับรองว่าคุ้มค่า จะเติมเป็นผลไม้สดที่เราชอบลงไปด้วยเพื่อเพิ่มรสชาติก็ได้ค่ะhttp://www.pooyingnaka.com
ชาเขียว
ชา เขียวเนี่ย ในเมืองไทยเราก็นิยมดื่มกันพอสมควร เพราะรู้กันดีว่ามีประโยชน์แต่รู้มั้ยคะว่าสำหรับผิวเราแล้ว การดื่มชาเขียวช่วยลดความอยากอาหารลง และยังช่วยเผาผลาญแคลอรี่อีกด้วย สำคัญจริงๆก็คงจะเรื่องที่ช่วยให้ผิวไม่แก่ก่อนวัยค่ะ แต่ประโยชน์จริงสำหรับเครื่องดื่มชาเขียว คือการช่วยลดการอักเสบ เหมือนกับโอเมก้า 3 ชาเขียวยังช่วยปกป้องเยื่อหุ้มเซลล์ผิว ทำให้ผิวดูสดใสขึ้น อวบอิ่มขึ้นและดูมีสุขภาพดี
อาหารที่อุดมด้วย วิตามินเอ
วิตามิน เอเป็นสิ่งสำคัญในการช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิว เมื่อเราขาดวิตามินเอ ผิวจะแห้งและเป็นขุย ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ผู้หญิงเราต้องการเลยใช่มั้ยคะ หลายคนจึงให้ความสำคัญกับครีมที่มีวิตามินเอ เพื่อลดริ้วรอย ลดสิว แต่เราก็สามารถทานวิตามินเอจากอาหารได้ด้วยเหมือนกัน แหล่งอาหารชั้นยอดและราคาไม่แพงเกินไป ได้แก่แครอท บร็อคโคลี มันฝรั่งและเนย
เห็น มั้ยคะว่า อาหารที่เราทาน ถ้ามีประโยชน์จะช่วยให้ผิวเราสดใส โดยไม่ต้องพึ่งพาครีมแพงๆเลย สาวๆที่ไม่ชอบทานผักผลไม้ คงต้องหันมาใส่ใจและลองทานกันดูนะคะ แล้วมาติดตามว่าครั้งหน้าผู้หญิงนะคะดอทคอมจะนำเสนอเรื่องราวๆดีๆในเรื่อง ไหนให้เพื่อนได้สวย ใส และสุขภาพดีกันด้วยค่ะ
link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี,สิวขึ้นรอบริมฝีปาก จัดการอย่างไรดี
เครดิต bewtychic
การกดนวดกดจุดเต้านม
การกดนวดกดจุดเต้านม
ถ้า จะพูดถึงเรื่องการดูแลผิวจากภายในด้วยการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ พร้อมกับการออกกำลังกายแล้ว การใส่ใจดูแลผิวภายนอกด้วยการปรนนิบัติผิวอย่างถูกวิธี ควบคู่กับการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเสริมสร้างการทำงานให้ดียิ่งขึ้นแล้ว อีกหนึ่งทางการปรนนิบัติผิวบริเวณเนินอก คือการนวด นั่นเอง เพราะประโยชน์จากการนวดอย่างสม่ำเสมอนั้นจะช่วย
• ป้องกันกล้ามเนื้อหย่อนหยาน ร่วงโรย รวมถึงชะลอการเกิดริ้วรอยต่างๆ ได้
• ช่วยเสริมสร้างการไหลเวียนของโลหิตให้เป็นไปตามปกติ และรักษาความสมดุลระหว่างน้ำและน้ำมันในผิว ผิวจึงเปล่งปลั่งสุขภาพดีจากภายใน
• ช่วยรักษาสมดุลให้กับผิวที่ถูกรบกวนจากสภาวะแวดล้อม
• และการนวดที่ลงน้ำหนักอย่างพอเหมาะจะช่วยให้ได้รับการผ่อนคลายอย่างแท้จริง
การนวดหน้าแบบกด จุด หรือที่เรียกว่า Tsubo "ซึโบะ" คือ การเติมพลังชีวิตให้ผิวอีกวิธีหนึ่ง ที่สร้างความสมดุลย์ระหว่างร่างกายและจิตใจ เป็นการนำเอาศาสตร์และศิลป์ของการนวดแบบตะวันออกมาผสานความเคลื่อนไหวของ นิ้วมือที่พลิ้วไหวให้เป็นไปตามจังหวะการเต้นของหัวใจ
รวมถึงน้ำหนักของ การกดจุด จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กระแสโลหิตไหลเวียนได้อย่างราบรื่น ให้ความรู้สึกผ่อนคลายและสภาวะความเครียดทางร่างกายและจิตใจให้หมดไป ส่งผลให้ผิวแน่นกระชับ ยืดหยุ่น ผิวพรรณดูสวยสดใส เปล่งปลั่งอย่างเป็นธรรมชาติ
ดังนั้นการนวด ตามแบบฉบับของชิเซโด้ เพื่อเสริมสร้างให้ผิวบริเวณอกแลดูเรียบเนียน ได้รูปมีวิธีการนวดแบบกดจุดง่ายๆ ที่สามารถปฏิบัติได้ด้วยตนเอง ประกอบด้วยการกดจุด 2 จุด คือ
• จุด “Danchu” (แดนชู)
อยู่ระหว่างกึ่งกลางอก (ปฏิบัติดังภาพ) โดยค่อยๆ เน้นน้ำหนักการกดนับ 1-3 แล้วค่อยๆ ผ่อนน้ำหนักออก ทำซ้ำแบบนี้ 3 ครั้ง
• จุด “Tenkei” (เทนเคอิ)
ให้ ทำมือลักษณะดังรูป โดยใช้นิ้วโป้งกดจุดระหว่างลำตัวดังภาพ โดยค่อยๆ เน้นน้ำหนักการกดนับ 1-3 แล้วค่อยๆ ผ่อนน้ำหนักออก ทำซ้ำแบบนี้ 3 ครั้ง
และสิ่งสำคัญอีกหนึ่งประการที่ช่วยเสริมสร้างให้อกสวยได้รูปนั่นคือการเลือกใส่บราให้ถูกต้อง
1. โดยอย่างแรกคุณต้องรู้คัพ และไซส์ของตัวเอง คัพ คือ เนื้อรอบเต้านมทั้งหมด ส่วนไซส์ คือ ขนาดรอบตัว ซึ่งเราควรจะวัดก่อนซื้อบราทุกครั้ง
2. ไม่ควรใส่บราไซส์เดียวกันเป็นเวลานาน เพราะหน้าอกของเรามีการเปลี่ยนแปลงเสมอ และไม่ควรซื้อบราในวันนั้นของเดือน เพราะหน้าอกจะขยายใหญ่ขึ้นกว่าวันปกติก่อนมีรอบเดือน
3. บราที่ดี เมื่อสวมใส่จะแนบไปกับลำตัว เก็บเนื้อได้ทั้งหมด กระชับแต่ไม่รัดตึง หรือหลวมจนเกินไป
4. สายของบราควรยืดหยุ่นได้ดี สามารถปรับระดับได้ง่าย โดยสายของบราไม่ควรเล็กจนเกินไป ควรเลือกให้เหมาะสมกับรูปร่างของคุณ โดยเฉพาะผู้ที่มีเนื้ออกมาก เพราะจะทำให้สายของบรากดน้ำหนักไปยังประสาทส่วนหัวไหล่ และคอมาก อาจทำให้เกิดอาการปวดไหล่ ปวดคอ กล้ามเนื้ออักเสบ ซึ่งมีโอกาสทำให้มือ แขน และปลายนิ้วเกิดอาการชาได้
link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี,วิธีทำให้กระจางลงอย่างเป็นธรรมชาติ
เครดิต bewtychic
ถ้า จะพูดถึงเรื่องการดูแลผิวจากภายในด้วยการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ พร้อมกับการออกกำลังกายแล้ว การใส่ใจดูแลผิวภายนอกด้วยการปรนนิบัติผิวอย่างถูกวิธี ควบคู่กับการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเสริมสร้างการทำงานให้ดียิ่งขึ้นแล้ว อีกหนึ่งทางการปรนนิบัติผิวบริเวณเนินอก คือการนวด นั่นเอง เพราะประโยชน์จากการนวดอย่างสม่ำเสมอนั้นจะช่วย
• ป้องกันกล้ามเนื้อหย่อนหยาน ร่วงโรย รวมถึงชะลอการเกิดริ้วรอยต่างๆ ได้
• ช่วยเสริมสร้างการไหลเวียนของโลหิตให้เป็นไปตามปกติ และรักษาความสมดุลระหว่างน้ำและน้ำมันในผิว ผิวจึงเปล่งปลั่งสุขภาพดีจากภายใน
• ช่วยรักษาสมดุลให้กับผิวที่ถูกรบกวนจากสภาวะแวดล้อม
• และการนวดที่ลงน้ำหนักอย่างพอเหมาะจะช่วยให้ได้รับการผ่อนคลายอย่างแท้จริง
การนวดหน้าแบบกด จุด หรือที่เรียกว่า Tsubo "ซึโบะ" คือ การเติมพลังชีวิตให้ผิวอีกวิธีหนึ่ง ที่สร้างความสมดุลย์ระหว่างร่างกายและจิตใจ เป็นการนำเอาศาสตร์และศิลป์ของการนวดแบบตะวันออกมาผสานความเคลื่อนไหวของ นิ้วมือที่พลิ้วไหวให้เป็นไปตามจังหวะการเต้นของหัวใจ
รวมถึงน้ำหนักของ การกดจุด จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กระแสโลหิตไหลเวียนได้อย่างราบรื่น ให้ความรู้สึกผ่อนคลายและสภาวะความเครียดทางร่างกายและจิตใจให้หมดไป ส่งผลให้ผิวแน่นกระชับ ยืดหยุ่น ผิวพรรณดูสวยสดใส เปล่งปลั่งอย่างเป็นธรรมชาติ
ดังนั้นการนวด ตามแบบฉบับของชิเซโด้ เพื่อเสริมสร้างให้ผิวบริเวณอกแลดูเรียบเนียน ได้รูปมีวิธีการนวดแบบกดจุดง่ายๆ ที่สามารถปฏิบัติได้ด้วยตนเอง ประกอบด้วยการกดจุด 2 จุด คือ
• จุด “Danchu” (แดนชู)
อยู่ระหว่างกึ่งกลางอก (ปฏิบัติดังภาพ) โดยค่อยๆ เน้นน้ำหนักการกดนับ 1-3 แล้วค่อยๆ ผ่อนน้ำหนักออก ทำซ้ำแบบนี้ 3 ครั้ง
• จุด “Tenkei” (เทนเคอิ)
ให้ ทำมือลักษณะดังรูป โดยใช้นิ้วโป้งกดจุดระหว่างลำตัวดังภาพ โดยค่อยๆ เน้นน้ำหนักการกดนับ 1-3 แล้วค่อยๆ ผ่อนน้ำหนักออก ทำซ้ำแบบนี้ 3 ครั้ง
และสิ่งสำคัญอีกหนึ่งประการที่ช่วยเสริมสร้างให้อกสวยได้รูปนั่นคือการเลือกใส่บราให้ถูกต้อง
1. โดยอย่างแรกคุณต้องรู้คัพ และไซส์ของตัวเอง คัพ คือ เนื้อรอบเต้านมทั้งหมด ส่วนไซส์ คือ ขนาดรอบตัว ซึ่งเราควรจะวัดก่อนซื้อบราทุกครั้ง
2. ไม่ควรใส่บราไซส์เดียวกันเป็นเวลานาน เพราะหน้าอกของเรามีการเปลี่ยนแปลงเสมอ และไม่ควรซื้อบราในวันนั้นของเดือน เพราะหน้าอกจะขยายใหญ่ขึ้นกว่าวันปกติก่อนมีรอบเดือน
3. บราที่ดี เมื่อสวมใส่จะแนบไปกับลำตัว เก็บเนื้อได้ทั้งหมด กระชับแต่ไม่รัดตึง หรือหลวมจนเกินไป
4. สายของบราควรยืดหยุ่นได้ดี สามารถปรับระดับได้ง่าย โดยสายของบราไม่ควรเล็กจนเกินไป ควรเลือกให้เหมาะสมกับรูปร่างของคุณ โดยเฉพาะผู้ที่มีเนื้ออกมาก เพราะจะทำให้สายของบรากดน้ำหนักไปยังประสาทส่วนหัวไหล่ และคอมาก อาจทำให้เกิดอาการปวดไหล่ ปวดคอ กล้ามเนื้ออักเสบ ซึ่งมีโอกาสทำให้มือ แขน และปลายนิ้วเกิดอาการชาได้
link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี,วิธีทำให้กระจางลงอย่างเป็นธรรมชาติ
เครดิต bewtychic
วิธีกระชับรูขุมขนง่ายๆ
วิธีกระชับรูขุมขนง่ายๆ
มะเขือเทศ: จะมีกรดชนิดหนึ่งที่ช่วยทำความสะอาดรูขุมขน ช่วยลดการเกิดสิวบนใบหน้าด้วย วิธีคือ ต้องปอกเปลือกออกก่อน แล้วฝานเป็นแผ่นๆนำเมล็ดออก จากนั้นนำมาปั่นให้ละเอียดหรืออาจจะขยำจนเละ และไม่จับเป็นก้อนแล้วนำมาทาบนหัวสิว ระวังอย่าให้เข้าตา และทิ้งไว้ 10 ถึง 15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่นแต่ถ้าใครลองแล้วมีอาการแสบๆ ละก็แสดงว่าเกิดอาการแพ้ให้รีบล้างออกทันที
ไข่ไก่: มีสรรพคุณในการช่วย กระชับผิว กระชับรูขุมขน เหมือนกับพวกโทนนิ่งโลชั่น วิธีคือ ให้ล้างหน้าด้วยน้ำสะอาดก่อนหรืออาจจะใช้น้ำนมก็ได้ เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ผิวสดชื่น จากนั้นตอกไข่ใส่ชามแยกไข่ขาวออกจากไข่แดงใช้เฉพาะไข่ขาวทาบนใบหน้าทิ้งไว้ 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่นจากนั้นก็ทามอยส์เจอไรเซอร์ปิดท้าย
ลองนำวิธีที่แนะนำไปปฏิบัติตามกันดูได้จะได้มีรูขุมขนที่กระชับมากขึ้น
link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี,รู้ทัน 6 พฤติกรรมทำร้ายผิว
ขอบคุณ เดลินิวส์,bewtychic
มะเขือเทศ: จะมีกรดชนิดหนึ่งที่ช่วยทำความสะอาดรูขุมขน ช่วยลดการเกิดสิวบนใบหน้าด้วย วิธีคือ ต้องปอกเปลือกออกก่อน แล้วฝานเป็นแผ่นๆนำเมล็ดออก จากนั้นนำมาปั่นให้ละเอียดหรืออาจจะขยำจนเละ และไม่จับเป็นก้อนแล้วนำมาทาบนหัวสิว ระวังอย่าให้เข้าตา และทิ้งไว้ 10 ถึง 15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่นแต่ถ้าใครลองแล้วมีอาการแสบๆ ละก็แสดงว่าเกิดอาการแพ้ให้รีบล้างออกทันที
ไข่ไก่: มีสรรพคุณในการช่วย กระชับผิว กระชับรูขุมขน เหมือนกับพวกโทนนิ่งโลชั่น วิธีคือ ให้ล้างหน้าด้วยน้ำสะอาดก่อนหรืออาจจะใช้น้ำนมก็ได้ เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ผิวสดชื่น จากนั้นตอกไข่ใส่ชามแยกไข่ขาวออกจากไข่แดงใช้เฉพาะไข่ขาวทาบนใบหน้าทิ้งไว้ 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่นจากนั้นก็ทามอยส์เจอไรเซอร์ปิดท้าย
ลองนำวิธีที่แนะนำไปปฏิบัติตามกันดูได้จะได้มีรูขุมขนที่กระชับมากขึ้น
link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี,รู้ทัน 6 พฤติกรรมทำร้ายผิว
ขอบคุณ เดลินิวส์,bewtychic
ขจัด 4 ปัญหากวนใจ เรียวขาเซ็กซี่
กางเกง ขาสั้นกับสาวๆ เป็นของคู่กัน จะสั้นมากหรือสั้นน้อย ย่อมขึ้นอยู่กับความถนัดของแต่ละคน แต่สาวๆ ทุกคน ควรใส่ใจดูแลเรียวขา เมื่อถึงเวลาสวมขาสั้น จะได้มั่นใจไม่เสียลุค
ปัญหากวนใจ 1 : สีผิวขาวซีดหรือกระดำกระด่าง
ผลิตภัณฑ์ เปลี่ยนผิวเป็นสีแทน (self tanner) แก้ปัญหานี้ได้ เพราะนอกจากจะเปลี่ยนผิว เป็นสีแทนสวยโดยไม่ต้องเสี่ยงกับแสงแดดจัด ช่วยปกปิดร่องรอยเซลลูไลต์รวมถึงจุดบกพร่องของผิว ยังช่วยให้ขาดูเรียวยาวขึ้น อีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กัน คือ การทาโลชั่น แป้งผสมชิมเมอร์ หรือมอยส์เจอไรเซอร์ผสมบรอนเซอร์ชนิดน้ำ (สำหรับผิวหน้านั่นละ) ทาบนเรียวขา เคล็ดลับสำคัญคือ ไม่ว่าจะทาผลิตภัณฑ์ใดลงบนขา อย่าลืมทาหลังเท้าด้วย (ถ้าไม่อยากดูเหมือนใส่ถุงเท้าตลอดเวลา)
ปัญหากวนใจ 2 : ขนหน้าแข้ง
เมื่อถึงเวลาโชว์เรียวขา สิ่งสำคัญที่สุดคือ ผิวเนียนเรียบ ไร้จุดสะดุด เทคนิคต่อไปนี้ช่วยคุณประหยัดเวลาได้
- การโกน เป็นวิธีที่ง่ายและสะดวกที่สุดแต่ให้ผลได้เพียงชั่วคราว จึงต้องโกนเป็นประจำ ก่อนโกนอาบน้ำด้วยน้ำอุ่น จะช่วยให้ผิวนุ่มและโกนได้ลึกขึ้น อย่าลืมใช้ครีมสำหรับโกนหรือสบู่เพื่อให้โกนสะดวก ใช้ใบมีดคมๆ โกนย้อนทิศทางของเส้นขน หลังโกนอย่าลืมชโลมเบบี้ออยล์ให้ความชุ่มชื้นผิว
- การแว็กซ์ กำจัดขนได้นานกว่าการโกน ช่วยให้ผิวเนียนเรียบได้นานตั้งแต่ 2 - 3 วันจนถึง 1 สัปดาห์ ข้อเสีย คือ อาการเจ็บปวดระหว่างการแว็กซ์ แนะนำให้รับประทานยาแก้ปวดล่วงหน้าครึ่งชั่วโมง หลีกเลี่ยงการแว็กซ์ช่วง 3 - 4 วันก่อนมีรอบเดือน และรอให้ขนยาวประมาณครึ่งนิ้ว จึงจะแว็กซ์ได้อย่างเกลี้ยงเกลา
- การกำจัดขนถาวร โดยการยิงเลเซอร์หรือแสง Intense Pulsed Light (IPL) ไปที่รากขน เพื่อหยุดวงจรเจริญเติบโตของเส้นขน โดยไม่มีผลกระทบต่อผิวด้านนอก ขณะยิงอาจรู้สึกเจ็บเล็กน้อย แต่ความเจ็บปวดจะลดลงในครั้งต่อไป แต่ละจุดต้องทำอย่างน้อย 6 ครั้ง ผู้มีขนดกหนาเป็นพิเศษอาจต้องทำซ้ำอีกทุก 2 - 3 เดือน เนื่องจากขนอ่อนงอกขึ้นมาใหม่ การกำจัดขนด้วยวิธีนี้เสียค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง แต่ช่วยประหยัดเวลาและทุ่นแรงได้ดีทีเดียว ฝากข้อพึงระวังสักนิดว่า ก่อนและหลังกำจัดขนถาวร ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับน้ำทะเล และแสงแดดอย่างน้อย 3 วันเพื่อป้องกันการติดเชื้อ ระคายเคือง และ
สีผิวคล้ำผิดปกติ
ปัญหากวนใจ 3 : เส้นเลือดขอด
ปัญหา เส้นเลือดขอดเพิ่มขึ้นตามวัย แม้ว่ากรรมพันธุ์เป็นสาเหตุสำคัญ แต่น้ำหนักที่เกิน หรือการยืนเป็นเวลานาน ยิ่งทำให้ปัญหานี้รุนแรงขึ้น ปัจจุบันมีวิธีการรักษาโดยฉีดสารบางชนิดเข้าสู่เส้นเลือดดำ เพื่อให้
เส้นเลือดตีบตัวและไม่ปรากฏให้เห็นชัดซึ่งให้ผลในทันที แต่ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นคือรอยช้ำบริเวณที่ฉีด
อีก วิธีคือ การยิงแสงเลเซอร์เพื่อให้ความร้อนทำให้เส้นเลือดตีบตัว จำเป็นต้องทำหลายครั้ง และถ้าไม่อยากให้ปัญหาเส้นเลือดขอดรุนแรงขึ้น หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่เกิดแรงกระแทกสูง เพราะจะเพิ่มความดันในเส้นเลือดดำ ทำให้เส้นเลือดขยายตัว เลือกออกกำลังกายด้วยจานหมุนหรือใช้เครื่องเดินวงรีไร้แรงกระแทก เครื่องเดินวงรีไร้แรงกระแทก (Elliptical Trainer) มีลักษณะการทำงานเหมือนการวิ่ง แต่ไม่เกิดแรงกระแทก ช่วยบริหารสะโพกและต้นขา เหมาะสำหรับผู้มีปัญหาปวดข้อ หัวเข่า และส้นเท้า
ปัญหากวนใจ 4 : เซลลูไลต์
ศัตรูตัวฉกาจของผู้หญิง ไม่เว้นแม้แต่สาวรูปร่างผอมบาง คือ เซลลูไลต์ซึ่งเกิดจากการคั่งตัวของ
น้ำ เหลืองหรือเลือด อันเนื่องจากการไหลเวียนของของเหลวใต้ผิวหนังเกิดการติดขัด การที่คนเรานั่งเป็นเวลานานๆ โดยไม่มีการเคลื่อนไหวปรับเปลี่ยนอิริยาบถ ทำให้เซลล์ไขมันบวมน้ำ เมื่อเซลล์ไขมันบวมเป็นระยะเวลานานโดยไม่ได้รับการแก้ไข ก็จะสร้างเนื้อเยื่อเกี่ยวพันหุ้มรัดเซลล์ไว้ เมื่อรัดบ่อยๆ ความยืดหยุ่นจะหายไป เกิดการดึงรั้งผิวหนังด้านบนลงมา ทำให้เห็นเป็นลอนคลื่น แม้ปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาให้หายได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่การรู้จักดูแลเอาใจใส่ตัวเองก็ช่วยลดปัญหาลงได้ ด้วยการเลือกใช้ครีมกำจัดเซลลูไลต์ที่มีส่วนผสมของกาเฟอีนช่วยเพิ่มความชุ่ม ชื้น เต่งตึง ทำให้ผิวดูดีขึ้น
link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี, 3อย่างที่สำคัญที่สุดสำหรับการดูแลพรรณให้สวยใส
เครดิต bewtychic
ปัญหากวนใจ 1 : สีผิวขาวซีดหรือกระดำกระด่าง
ผลิตภัณฑ์ เปลี่ยนผิวเป็นสีแทน (self tanner) แก้ปัญหานี้ได้ เพราะนอกจากจะเปลี่ยนผิว เป็นสีแทนสวยโดยไม่ต้องเสี่ยงกับแสงแดดจัด ช่วยปกปิดร่องรอยเซลลูไลต์รวมถึงจุดบกพร่องของผิว ยังช่วยให้ขาดูเรียวยาวขึ้น อีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กัน คือ การทาโลชั่น แป้งผสมชิมเมอร์ หรือมอยส์เจอไรเซอร์ผสมบรอนเซอร์ชนิดน้ำ (สำหรับผิวหน้านั่นละ) ทาบนเรียวขา เคล็ดลับสำคัญคือ ไม่ว่าจะทาผลิตภัณฑ์ใดลงบนขา อย่าลืมทาหลังเท้าด้วย (ถ้าไม่อยากดูเหมือนใส่ถุงเท้าตลอดเวลา)
ปัญหากวนใจ 2 : ขนหน้าแข้ง
เมื่อถึงเวลาโชว์เรียวขา สิ่งสำคัญที่สุดคือ ผิวเนียนเรียบ ไร้จุดสะดุด เทคนิคต่อไปนี้ช่วยคุณประหยัดเวลาได้
- การโกน เป็นวิธีที่ง่ายและสะดวกที่สุดแต่ให้ผลได้เพียงชั่วคราว จึงต้องโกนเป็นประจำ ก่อนโกนอาบน้ำด้วยน้ำอุ่น จะช่วยให้ผิวนุ่มและโกนได้ลึกขึ้น อย่าลืมใช้ครีมสำหรับโกนหรือสบู่เพื่อให้โกนสะดวก ใช้ใบมีดคมๆ โกนย้อนทิศทางของเส้นขน หลังโกนอย่าลืมชโลมเบบี้ออยล์ให้ความชุ่มชื้นผิว
- การแว็กซ์ กำจัดขนได้นานกว่าการโกน ช่วยให้ผิวเนียนเรียบได้นานตั้งแต่ 2 - 3 วันจนถึง 1 สัปดาห์ ข้อเสีย คือ อาการเจ็บปวดระหว่างการแว็กซ์ แนะนำให้รับประทานยาแก้ปวดล่วงหน้าครึ่งชั่วโมง หลีกเลี่ยงการแว็กซ์ช่วง 3 - 4 วันก่อนมีรอบเดือน และรอให้ขนยาวประมาณครึ่งนิ้ว จึงจะแว็กซ์ได้อย่างเกลี้ยงเกลา
- การกำจัดขนถาวร โดยการยิงเลเซอร์หรือแสง Intense Pulsed Light (IPL) ไปที่รากขน เพื่อหยุดวงจรเจริญเติบโตของเส้นขน โดยไม่มีผลกระทบต่อผิวด้านนอก ขณะยิงอาจรู้สึกเจ็บเล็กน้อย แต่ความเจ็บปวดจะลดลงในครั้งต่อไป แต่ละจุดต้องทำอย่างน้อย 6 ครั้ง ผู้มีขนดกหนาเป็นพิเศษอาจต้องทำซ้ำอีกทุก 2 - 3 เดือน เนื่องจากขนอ่อนงอกขึ้นมาใหม่ การกำจัดขนด้วยวิธีนี้เสียค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง แต่ช่วยประหยัดเวลาและทุ่นแรงได้ดีทีเดียว ฝากข้อพึงระวังสักนิดว่า ก่อนและหลังกำจัดขนถาวร ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับน้ำทะเล และแสงแดดอย่างน้อย 3 วันเพื่อป้องกันการติดเชื้อ ระคายเคือง และ
สีผิวคล้ำผิดปกติ
ปัญหากวนใจ 3 : เส้นเลือดขอด
ปัญหา เส้นเลือดขอดเพิ่มขึ้นตามวัย แม้ว่ากรรมพันธุ์เป็นสาเหตุสำคัญ แต่น้ำหนักที่เกิน หรือการยืนเป็นเวลานาน ยิ่งทำให้ปัญหานี้รุนแรงขึ้น ปัจจุบันมีวิธีการรักษาโดยฉีดสารบางชนิดเข้าสู่เส้นเลือดดำ เพื่อให้
เส้นเลือดตีบตัวและไม่ปรากฏให้เห็นชัดซึ่งให้ผลในทันที แต่ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นคือรอยช้ำบริเวณที่ฉีด
อีก วิธีคือ การยิงแสงเลเซอร์เพื่อให้ความร้อนทำให้เส้นเลือดตีบตัว จำเป็นต้องทำหลายครั้ง และถ้าไม่อยากให้ปัญหาเส้นเลือดขอดรุนแรงขึ้น หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่เกิดแรงกระแทกสูง เพราะจะเพิ่มความดันในเส้นเลือดดำ ทำให้เส้นเลือดขยายตัว เลือกออกกำลังกายด้วยจานหมุนหรือใช้เครื่องเดินวงรีไร้แรงกระแทก เครื่องเดินวงรีไร้แรงกระแทก (Elliptical Trainer) มีลักษณะการทำงานเหมือนการวิ่ง แต่ไม่เกิดแรงกระแทก ช่วยบริหารสะโพกและต้นขา เหมาะสำหรับผู้มีปัญหาปวดข้อ หัวเข่า และส้นเท้า
ปัญหากวนใจ 4 : เซลลูไลต์
ศัตรูตัวฉกาจของผู้หญิง ไม่เว้นแม้แต่สาวรูปร่างผอมบาง คือ เซลลูไลต์ซึ่งเกิดจากการคั่งตัวของ
น้ำ เหลืองหรือเลือด อันเนื่องจากการไหลเวียนของของเหลวใต้ผิวหนังเกิดการติดขัด การที่คนเรานั่งเป็นเวลานานๆ โดยไม่มีการเคลื่อนไหวปรับเปลี่ยนอิริยาบถ ทำให้เซลล์ไขมันบวมน้ำ เมื่อเซลล์ไขมันบวมเป็นระยะเวลานานโดยไม่ได้รับการแก้ไข ก็จะสร้างเนื้อเยื่อเกี่ยวพันหุ้มรัดเซลล์ไว้ เมื่อรัดบ่อยๆ ความยืดหยุ่นจะหายไป เกิดการดึงรั้งผิวหนังด้านบนลงมา ทำให้เห็นเป็นลอนคลื่น แม้ปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาให้หายได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่การรู้จักดูแลเอาใจใส่ตัวเองก็ช่วยลดปัญหาลงได้ ด้วยการเลือกใช้ครีมกำจัดเซลลูไลต์ที่มีส่วนผสมของกาเฟอีนช่วยเพิ่มความชุ่ม ชื้น เต่งตึง ทำให้ผิวดูดีขึ้น
link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี, 3อย่างที่สำคัญที่สุดสำหรับการดูแลพรรณให้สวยใส
เครดิต bewtychic
วิธีแก้ข้อศอกดำ
ข้อศอกดำ จะทำให้เกิดผิวแห้งกร้านง่ายขึ้น ผิวหยาบขึ้น เวลาจับต้องทำให้เหมือนเกิดรอยสะดุด และไม่น่ามอง
วิธีแก้ข้อศอกดำ คือ ก่อนอาบน้ำควรผสมน้ำอุ่นกับสบู่ แช่ศอกไว้วันละประมาณ 10 นาที จะแช่ในกะละมังหรืออ่างล้างหน้าก็ได้ หากวันไหนว่าง ๆ และพอมีเวลาอยู่กับบ้าน ก็ลองนำดินสอพองมาพอกที่ผิวหนังบริเวณข้อศอกทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที ผิวบริเวณนั้นจะนุ่มนวลขึ้น และก่อนเข้านอนก็ใช้โลชั่นหรือครีมบำรุงผิวทาด้วย หรืออีกวิธีหนึ่ง คือ อย่าเอาข้อศอกไปเท้ากับโต๊ะ เพราะจะยิ่งทำให้ข้อศอกดำและด้านได้ง่าย
ถ้าไม่อยากให้ข้อศอกดำอีกต่อไป ลองนำวิธีที่แนะนำไปปฏิบัติกันได้.
link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี,ลักษณะผิวของคุณเป็นแบบไหน,แป้งแต่งหน้ามีหลายแบบ เลือกใช้อย่างไรดี
ที่มาข้อมูล : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์,bewtychic
เทคนิคการแต่งหน้า...แบบง่าย
เทคนิคการแต่งหน้า...แบบง่าย
การแต่งหน้าเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นสำหรับผู้หญิง เพราะทุกครั้งที่คุณเตรียมแต่งแต้มใบหน้าให้ดูสวยไปด้วยสีสัน คุณสามารถแต่งหน้าได้มากหรือน้อยแค่ไหนก็ได้ตามที่คุณต้องการ จะแต่งให้เป็นสาวหวาน สาวเปรี้ยว สาวเซ็กซี่ หรือสวยแบบใส ๆ ขึ้นอยู่กับการสร้างสรรค์จากฝีมือผู้แต่ง แต่สิ่งสำคัญก็คือ คุณจะต้องแต่งให้เหมาะกับตัวคุณและโอกาส ดังนั้นการแต่งหน้าคือวิธีที่จะทำให้ผู้หญิง สวยขึ้น และมีเสน่ห์มากขึ้น มาดูวิธีเพิ่มเสน่ห์ของคุณด้วยวิธีการแต่งหน้าแบบง่าย ๆ กันเถอะค่ะ...
เตรียมพร้อมก่อนแต่งหน้า
ควรเตรียมกระจกและอยู่ในที่มีแสงเพียงพอ รวมทั้งอุปกรณ์แต่งหน้าที่จำเป็น คุณอาจใช้ที่คาดผมหรือรวบผมขึ้น เพื่อจะได้แต่งหน้าได้สะดวก จากนั้นจึงล้างหน้าให้สะอาด ละควรใช้ม้อยส์เจอร์ไรเซอร์ทาก่อนแต่งหน้าทุกครั้ง
ครีมรองพื้นปรับสีผิว
ควรใช้ครีมรองพื้นในกรณีที่คุณมีสีผิวที่ไม่เสมอกันเท่านั้น และไม่จำเป็นต้องใช้ทั้งใบหน้าเพราะจะทำให้หน้าลอย เมื่อใช้ครีมรองพื้นเสร็จแล้วควรเกลี่ยทันทีเพราะรองพื้นประเภทนี้จะแห้งเร็วมาก และควรใช้ก่อนลงรองพื้นประเภทอื่น ๆ
ครีมรองพื้นปกปิดริ้วรอย
ครีมรองพื้นชนิดนี้จะช่วยพรางรอยฝ้า กระ จุดด่างดำ ต่าง ๆ บนใบหน้าได้ โดยเลือกสีให้เข้มกว่าสีผิวหนึ่งระดับแล้วแตะตรงบริเวณที่ต้องการปกปิด หลังจากนั้นจึงใช้ปลายนิ้ว เกลี่ยให้เนียน
ครีมรองพื้น
เลือกสีครีมรองพื้นให้ตรงกับสีผิวบริเวณคอ แตะครีมรองพื้นตรงบริเวณที่ไม่มีริ้วรอยก่อน แล้วค่อย ๆ เกลี่ยไล่ให้ทั่ว ระวังอย่าให้มีขอบบริเวณกรอบหน้า ควรเกลี่ยรองพื้นให้หายเข้าไปในไรผมรวมถึงบริเวณริมฝีปากด้วย
แป้งฝุ่นหรือแป้งแข็ง
ควรเลือกใช้แป้งฝุ่นชนิดโปร่งแสง เพราะจะไม่ทำให้สีของรองพื้นที่เลือกแล้วเปลี่ยนเป็นขาวขึ้นหรือคล้ำลง ใช้พัฟหรือแปรงด้ามใหญ่สุดจุ่มแป้งฝุ่นหรือแป้งแข็งแล้วเกลี่ยให้ทั่วบนใบหน้า
ดินสอเขียนคิ้ว
ควรหลีกเลี่ยงดินสอเขียนคิ้วสีดำ เพราะจะทำให้หน้าดูดุ และดูสูงวัย ควรใช้ดินสอเขียนคิ้วสีน้ำตาลเพราะจะดูเป็นธรรมชาติมากกว่า ไม่ควรเริ่มเขียนคิ้วจากหัวคิ้วเพราะจะทำให้คิ้วแข็งดูไม่เป็นธรรมชาติ ควรเริ่มเขียนห่างจาก หัวคิ้วประมาณ 1 เซนติเมตร แล้วไล้ไปตามเส้นขนคิ้ว จากนั้น ใช้แปรงเกลี่ยหรืออาจแตะอายแชโดว์สีน้ำตาลเกลี่ยทับอีกครั้ง แล้วใช้แปรงเขียนคิ้วเกลี่ยย้อนมาทางหัวคิ้ว
อายแชโดว์
ควรแตะแป้งฝุ่นบริเวณใต้ตาก่อนทาอายแชโดว์ เพื่อป้องกันอายแชโดว์สีเข้มตกลงมาเลอะ ควรเริ่มทาตาโดยใช้อายแชโดว์สีอ่อน เช่น สีครีม สีชมพูอ่อน ทาให้ทั่วเปลือกตา ถ้าใส่เสื้อผ้าสีโทนร้อนควรใช้อายแชโดว์สีส้มเกลี่ยจากแนวหางตามาทางหัวตา แล้วใช้อายแชโดว์สีน้ำตาลเกลี่ยชิดแนวขอบตา เริ่มจากหางตาเข้ามากึ่งกลางตา ขอบตาล่างก็ควรทำเช่นเดียวกันเพื่อให้เกิดความสมดุลแห่งสีสัน แต่ถ้าใส่เสื้อผ้าสีโทนเย็นควรใช้อายแชโดว์สีชมพูหรือม่วง แล้วใช้อายแชโดว์สีน้ำเงินหรือสีเทาเกลี่ยชิดแนวขอบตา
ดินสอเขียนขอบตา
นิยมใช้ในการแต่งหน้างานกลางคืนเพื่อเน้นดวงตาให้คมขึ้น
มาสคาร่า
ควรดัดขนตาก่อนปัดมาสคาร่าทุกครั้ง
Link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี,ลักษณะผิวของคุณเป็นแบบไหน,แป้งแต่งหน้ามีหลายแบบ เลือกใช้อย่างไรดี
การดูแลผิวแห้ง
การดูแลผิวแห้ง
สำหรับสาวๆที่มีผิวแห้ง การดูแลผิวแห้งนั้น ต้องดูแลรักษามากกว่า ผิวแบบอื่นๆ เพราะหากผิวที่แห้งขาดการดูแลอาจทำให้ใบหน้าเกิดริ้วรอยได้ง่าย สิ่งที่ผิวแห้งต้องการ คือ น้ำ ที่ไม่ใช่น้ำมัน ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือ ใช้ครีมบำรุงต่างๆ ที่มีส่วนผสมของน้ำให้มากที่สุด และนอกจากนี้ในแต่ละวันยังควรดื่มน้ำเปล่าให้มากๆ และรับประทานผลไม้ที่มีวิตามินซี เพราะวิตามินซีจะมีส่วนช่วยทำให้ผิวหน้ารู้สึกสดชื่นขึ้น การล้างหน้าควรเลือกใช้สบู่อ่อนๆ ที่ปราศจากหัวน้ำหอม อาจจะเป็นสบู่เด็ก หรือผลิตภัณฑ์โดยเฉพาะสำหรับผู้แพ้ง่าย และที่สำคัญก่อนนอนควรบำรุงผิวหน้าเป็นพิเศษ ด้วยครีมสำหรับคนผิวแห้งโดยเฉพาะ (เลือกครีมที่มีส่วนผสมของนมหรือน้ำผึ้งจะดีที่สุด) และในเวลาเช้าควรล้างหน้าด้วยน้ำสะอาดเท่านั้น พยายามอย่าใช้สบู่ในการล้างหน้าตอนเช้า เพราะจะทำให้ผิวแห้งกว่าเดิม และอาจใช้นมสดแช่เย็นล้างหน้าในตอนเช้า ในช่วงหน้าหนาวคนผิวแห้งจะมีปัญหามาก ในเรื่องของผิวแตกหน้าเป็นขุย ซึ่งอาจใช้วาสลีน ทาให้ทั่วใบหน้าก่อนนอนก็ช่วยได้ค่ะ เพราะวาสลินเป็นน้ำมันที่สกัดจากแร่ธาตุ จึงไม่มีผลข้างเคียงในการใช้
การดูแลผิวเป็นเรื่องที่สำคัญของผู้หญิงดังนั้นการเลือกใช้ครีมให้เหมาะสมกับสภาพผิวเป็นสิ่งที่จำเป็น
ควรเลือกให้เหมาะสม จากประสบการณ์เครื่องสำอางของเกาหลีนั้นสกัดมาจากพืชผักผลไม้จึงทำให้มั่นใจ
ลิ้งที่เกี่ยวข้อง : แป้งแต่งหน้ามีหลายแบบ เลือกอย่างไรดี,เครื่องสำอางเกาหลี,bewtychic
เครดิต : www.bewtychic.com
ผิวสวยได้ด้วยชีวิตประจำวัน
สวยได้ด้วยชีวิตประจำวัน
ความสวยเป็นสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนปรารถนานี่ก้คืองวิธีที่สาวๆๆจะมีความสาวไปนานๆๆลองนำไปทำกันดูนะ
1. มาดูกันดีกว่า ว่าเราทำปฎิบัติตัวอย่างไรดี เพื่อผิวหน้าที่สวยใส
เริ่ม ต้นจากการล้างหน้า ควรปฏิบัติอย่างนุ่มนวล ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิวไม่ว่าจะเป็นแบบเจ ลหรือแบบโฟมและอื่นๆตามที่เลือกใช้ให้เหมาะกับสภาพผิว และล้างหน้าตามปกติ จากนั้นใช้ผ้าสะอาดเช็ดผิวหน้าอย่างเบามือ ด้วยวิธีการใช้ผ้าซับไปทั่วใบหน้า เพื่อป้องกันริ้วรอยก่อนวัย สำหรับการความสะอาดผิวหน้าในตอนเย็น ควรพิถีพิถันกว่าตอนเช้า โดยใช้cleansing เช็ด สิ่งสกปรกและเครื่องสำอางที่สะสมมาทั้งวันออกก่อน แล้วจึงล้างหน้าตามปกติ เพื่อการทำความสะอาดอย่างล้ำลึก ไม่มีสิ่งตกค้างที่เป็นต้นเหตุของการเกิดสิว
2. ขั้นตอนการบำรุงผิว ถือได้ว่าเป็นอาหารสำหรับผิวสวยที่ขาดไม่ได้ ควร เลือกใช้ครีมบำรุงผิวที่เหมาะสมกับสภาพผิว เพื่อการบำรุงอย่างได้ผล
3. ครีมกันแดด ถือ เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยปกป้องผิวจากภัยแดด ที่คอยทำลายผิวทำให้ผิวเหี่ยวย่น เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำได้ ยิ่งเป็นแดดอย่างบ้านเราด้วยแล้ว ดังนั้นก่อนออกจากบ้านจึงควรทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน เป็นการสร้างเกราะคุ้มกันให้กับผิว
4. กระชับ ผิว โทนเนอร์จะช่วยกระชับผิวหน้าซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยคืนความสมดุลและปรับ สภาพผิว ทำให้ผิวสดชื่นและเปล่งปลั่ง อีกทั้งยังเป็นการกระชับผิวให้รูขุมขนเล็กลง ช่วยควบคุมน้ำมันส่วนเกินบริเวณ หน้าผาก จมูก คาง ( T-ZONE ) ทั้ง นี้ขึ้นอยู่กับการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสม สำหรับคนผิวแห้งควรระวังในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของขั้นตอนนี้ให้มากค่ะ เพราะอาจทำให้ผิวหน้ายิ่งแห้งกว่าเดิม
5. ดื่มน้ำ การดื่มน้ำสะอาด โดยปกติแล้วคนเราต้องดื่มน้ำสะอาดไม่น้อยกว่า 8 แก้ว (1 แก้ว = 240 ซีซี ) การดื่มน้ำที่สะอาดอย่างเพียงพอ เป็นการกระตุ้นระบบการทำงานต่างๆของร่างกาย เพื่อให้พร้อมที่จะทำงาน น้ำยังช่วยให้โลหิตไม่ข้น เกิดการไหลเวียนของโลหิตได้อย่างสะดวก เมื่อโลหิตสูบฉีดได้ดี จะทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง สวยใส ผุดผ่องได้อีกด้วยค่ะ
สาวๆรู้อย่างนี้แล้ว ก็จัดตารางเวลาดีๆนะคะ จะได้ไม่ลืมขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่ง ผิวจะได้เปล่งประกาย สวยเด้งกันไปเลย อย่าลืมเลือกใช้เครื่องสำอางเกาหลี
Skinfood&Etude · Beauty Credit · Baviphat · Tony_Moly · Missha · Rojukiss · Skinfood · Skinfood · Skinfood · The Face Shop · Etude
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง : ผิวสวยได้ด้วยชีวิตประจำวัน ,สวยอย่างธรรมชาติ,Ancient_rice อุมดไปด้วยคุณค่า
เครดิต www.bewtychic.com